Category

Business
สะเทือนวงการน้ำดื่ม “สปริงเคิล” (Sprinkle) ผงาดโชว์ไอเดียใหม่ ทุ่ม 40 ล้าน! เปิดตัวขวดน้ำ 3 ดีไซน์สุดสร้างสรรค์ แรงบันดาลใจจากภาวะโลกร้อน ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘REDESIGN TO REDUCE’ ลดทอนสิ่งที่ทำลายโลก ให้เหลือเพียงสิ่งที่จำเป็น เพื่อธรรมชาติกลับคืนสู่จุดเดิมอีกครั้ง พร้อมประกาศตั้งเป้าปิดปี 66 ยอดขายเติบโต 25% สมรภูมิน้ำดื่มยังคงเป็นตลาด Red Ocean ที่มีการแข่งขันกันอย่างดุเดือด แต่สำหรับ “สปริงเคิล” (Sprinkle) มักเป็นแบรนด์ที่สร้างสรรค์ความแปลกใหม่ให้กับวงการน้ำดื่มอยู่เสมอด้วยจุดแข็งด้านดีไซน์ จากการสร้างแบรนด์ด้วยกลยุทธ์ ‘Underdog’ หรือการตลาดมวยรอง ที่ไม่เน้นทำสินค้าหรือวาง Positioning แข่งกับเจ้าตลาดโดยตรง แต่เน้นนำเสนอความแตกต่างและเพิ่มทางเลือกใหม่เพื่อดึงดูดผู้บริโภคให้เลือกแบรนด์ และจากที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่า “สปริงเคิล” (Sprinkle) ประสบความสำเร็จในการจำหน่ายขวดน้ำแบบใสรวมถึงคอลเลกชั่นลิมิเต็ดมาโดยตลอด โดยล่าสุด “สปริงเคิล” (Sprinkle) ได้ประกาศเปลี่ยนโฉมขวดดีไซน์ใหม่ที่ได้แรงบันดาลใจจากภาวะโลกร้อน ภายใต้แนวคิดที่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งเพื่อสร้างความตระหนักรู้ให้กับผู้บริโภค โดยขวดน้ำดีไซน์ใหม่นี้ยังมาในคอนเซ็ปต์ ‘REDESIGN TO REDUCE’ ซึ่งเป็นดีไซน์ที่ลดทอนสิ่งที่ไม่จำเป็นออก ให้เหลือเพียงสิ่งที่จำเป็นเท่านั้น ไม่มีฉลากซึ่งเป็นขยะส่วนเกิน ไม่มีสีเจือปนซึ่งสร้างภาระให้กับการรีไซเคิล และยังง่ายต่อการแยกขยะเพื่อเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล เพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับโลก กฤตวิทย์ เลาหธนาพร กรรมการบริหาร บริษัท เอ็ม วอเตอร์ จำกัด ผู้ผลิตน้ำดื่มแบรนด์สปริงเคิล กล่าวว่า “ขวดน้ำ 3 ดีไซน์นี้ได้แรงบันดาลใจมาจากปัญหาภาวะโลกร้อนที่รุนแรงและใกล้ตัวเรามากขึ้นทุกวัน ผ่านการนำเรื่องราวการละลายของธารน้ำแข็งขั้วโลกมาเป็นตัวแทนในการสะท้อนปัญหาโลกร้อนให้คนได้ตระหนักรู้มากขึ้น โดยขวดแรกจะเป็นขวดที่มีลวดลายของธารน้ำแข็งที่ยังสมบูรณ์อยู่ ขวดต่อมาจะเป็นดีไซน์ของธารน้ำแข็งที่เริ่มละลาย และขวดสุดท้ายจะเป็นธารน้ำแข็งที่ละลายหมดแล้วเหลือเพียงน้ำแข็งบริเวณตรงกลางที่เป็นโลโก้แบรนด์ ซึ่งในขั้นตอนการออกแบบเราคำนึงถึงทุกๆ มิติรอบด้าน เพื่อให้ตอบโจทย์ในสิ่งที่แบรนด์ตั้งใจจะสื่อสารได้มากที่สุด...
โพสต์เดียวสะเทือนทั้งประเทศ! หลังดีเวลล็อปเปอร์รายใหญ่อย่าง “สัมมากร” ที่มีจุดแข็งด้านความเข้าใจในอินไซต์ของผู้อยู่อาศัยเป็นอย่างดี จากการพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยว, ทาวน์โฮม และบ้านพักตากอากาศ แต่กลับมี Pain Point เกี่ยวกับเรื่องการรับรู้แบรนด์ งานนี้ “สัมมากร” จึงขอระบายความในใจผ่านการสร้างสรรค์ภาพยนตร์สั้น “สัมมากรขายบ้าน” (สามารถรับชมได้ทาง  https://bit.ly/3PKq2pJ) เพื่อสื่อสารจุดยืนขององค์กรไปยังกลุ่มผู้บริโภค จากอินไซต์ที่เจ็บปวดของแบรนด์ โดยภาพยนตร์ดังกล่าวเป็นการนำเสนอเรื่องราวของพนักงานที่ทำงานมา 7 ปี และอยากขอระบายความในใจ สาเหตุจากลูกค้าที่ติดต่อเข้ามาไม่ว่าจะเป็นทางโทรศัพท์หรือ Walk-in มักจะสอบถามเรื่องการยื่นภาษี เพราะเข้าใจผิดว่า ‘สัมมากร’ คือ ‘สรรพากร’ จึงเป็นที่มาของภาพยนตร์แนวตลกร้ายสุดสร้างสรรค์ที่ขายของแบบตะโกนแต่กลับสร้างกระแสไวรัลในโลกโซเชียลได้อย่างล้นหลาม! ไม่ว่าจะเป็นทาง YouTube, Facebook และ TikTok ที่สามารถสร้างเอ็นเกจเมนท์แบบออร์แกนิค รวมถึงการแสดงความคิดเห็นจากแบรนด์ดังและบุคคลที่มีชื่อเสียงมาร่วมเล่นสนุกกันมากมาย อาจกล่าวได้ว่า “สัมมากร” มีความเข้าใจในธรรมชาติของผู้บริโภคที่ชอบความเป็นกันเอง ทำให้ผู้ที่รับชมคอนเทนต์รู้สึกใกล้ชิดเหมือนเพื่อนที่มีการนั่งพูดคุยกันมากกว่าที่จะสื่อสารในรูปแบบระหว่างแบรนด์กับลูกค้า และในขณะเดียวกัน “สัมมากร” ก็สามารถสร้างสรรค์คอนเทนต์ได้อย่างน่าสนใจ เพราะเป็นอินไซต์ที่ตรงกับประสบการณ์ของหลายๆ คน ที่ผู้บริโภคมักเกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับแบรนด์ นับเป็นการปฎิวัติของวงการโฆษณาเลยก็ว่าได้ เพราะนอกจากจะสื่อสารเพื่อแก้ปัญหาของแบรนด์แล้ว ยังสามารถทำให้คนจดจำแบรนด์ได้อีกด้วย ณพน เจนธรรมนุกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท สัมมากร จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงแนวคิดการสร้างสรรค์ภาพยนตร์สั้นนี้ว่า “ที่ผ่านมาคนมักเข้าในผิดว่าสัมมากรคือสรรพากรจริงๆ เรารับรู้ถึง Pain Point นี้จากพนักงานมาตลอด มันแสดงให้เห็นว่าแม้เราจะเป็นองค์กรใหญ่แค่ไหน แต่ทุกๆ องค์กรก็มักจะมี Pain Point เหมือนกัน เหมือนกับคนทั่วๆ...
  ปัจจุบันภาพรวมตลาดแว่นตามีมูลค่าอยู่ที่ 7,000 ล้านบาท ซึ่งสัดส่วนกว่า 90% เป็นกลุ่มตลาดแมส (Mass) และอีก 10% เป็นกลุ่มตลาดพรีเมียมที่มีราคาตั้งแต่ 20,000 บาทขึ้นไป และจำหน่ายได้ไม่ต่ำกว่า 50,000-80,000 ชิ้นต่อปี โดย “เคที ออพติค” (KT OPTIC) อาณาจักรแว่นตาชั้นนำของประเทศไทย เป็นร้านแว่นตาที่ครองตลาดแว่นตาและเลนส์ตั้งแต่เซ็กเมนท์ระดับกลางถึงพรีเมียม ที่มีจำนวนสาขาและส่วนแบ่งการตลาดมากที่สุดในประเทศไทย ภายใต้จุดแข็ง ‘Beyond Professional Eyecare Center’ จากความเป็นผู้เชี่ยวชาญในการเป็นศูนย์สุขภาพทางด้านสายตา พร้อมทั้งมีบริการ Personal styling แว่นตาให้เหมาะกับบุคลิกของลูกค้า อีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญของ “เคที ออพติค” (KT OPTIC) คือการให้ความสำคัญกับการคัดเลือกแบรนด์ระดับลักซ์ชัวรีเข้ามาจำหน่าย ส่งผลใหม่ “เคที ออพติค” (KT OPTIC) มักจะได้รับเลือกให้เป็นจุดจำหน่ายสินค้าลิมิเต็ด อิดิชั่น จากแบรนด์ชั้นนำระดับโลกอยู่เสมอ นอกจากนี้ “เคที ออพติค” (KT OPTIC) ยังเปิดเผยว่าจากผลสำรวจตลาดแว่นตาพบว่าดีมานด์การใช้งานเลนส์และแว่นตามีจำนวนเพิ่มมากขึ้น จากกลุ่มวัยทำงานที่ต้องใช้หน้าจอเป็นประจำ รวมถึงกลุ่มเด็กเอเชียรุ่นใหม่ที่นิยมใช้โทรศัพท์และใช้คอมพิวเตอร์กันเพิ่มขึ้น โดยกรมอนามัยโลกยังประเมินอีกว่าเด็กไทยในช่วงอายุ 8-13 ปี กำลังประสบปัญหาสายตาสั้น  ซึ่งบ่งบอกถึงทิศทางหลังจากนี้ ที่คาดว่าตลาดแว่นสายตาในไทยจะเติบโตต่อเนื่องปีละ 3-5% และในอีก 3 ปีข้างหน้า ประชากรโลกจะมีปัญหาเรื่องสายตาเพิ่มอีก 50% โดยในปี 2567 “เคที ออพติค” (KT OPTIC) จ่อทุ่มงบการตลาด 20 ล้าน พร้อมตั้งเป้าโต 1,000 ล้านบาท และมีแผนจะขยายสาขาเพิ่มอีก 5 สาขา ชัชวาลย์ วณิชไพสิฐ กรรมการผู้บริหาร บริษัท กรุงไทยออพติค จำกัด (KT OPTIC) ได้เผยถึงทิศทางการพัฒนาแบรนด์ในปี 2567 ว่า “เคที ออพติค เป็นร้านแว่นตาและเลนส์ที่มีแบรนด์ค่อนข้างหลากหลายและครอบคลุมในทุกเซ็กเมนท์ โดยในปี 2567 เราจะพุ่งเป้าการพัฒนาแบรนด์ไปที่ตลาดผู้ซื้อแว่นตาพรีเมียมมากขึ้น...
“กาแฟพันธุ์ไทย” ผนึก “มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์” ส่งแคมเปญ “โพดจุกใจ ไร่สุวรรณ” หนุนเกษตรกรพร้อมรุกตลาดกาแฟ แบไต๋ยุทธศาสตร์ดันยอดขาย ลุยขยายแฟรนไชส์ทั่วประเทศ เผยรายได้ Q1 เพิ่มขึ้น 70% จากปี 65 คาดปิดปี 66 กำไรโต 2 เท่า บริษัท กาแฟพันธุ์ไทย จำกัด ภายใต้การบริหารงานของ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านการสนับสนุนชุมชนและเกษตรกรไทยให้ “อยู่ดี มีสุข” ประกาศความร่วมมือครั้งยิ่งใหญ่กับ “มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์” ร่วมผลักดันวัตถุดิบท้องถิ่นหาทานยาก มาสร้างประสบการณ์ให้ผู้บริโภคได้ลิ้มลอง นำร่องด้วยแคมเปญ “โพดจุกใจ ไร่สุวรรณ” ชู 3 เมนูสุดสร้างสรรค์ จากน้ำนมและเมล็ดข้าวโพดจากไร่สุวรรณ พร้อมเปิดตัวด้วยการสร้างสีสัน ยกไร่ข้าวโพดมาไว้ใจกลางสยามสแควร์วันกับเทศกาล “Cornnival – คอร์นนี้ว้าว โพดจุกใจ ไร่สุวรรณ” ด้วยงบลงทุนกว่า  10 ล้านบาท โดยตั้งเป้ายอดขายเติบโตขึ้น...
หลังเปิดเกมลุยตลาดบ้านหรูไปเมื่อปลายปี 2564 กับโครงการโพรวิเดนซ์ เลน เอกมัย-รามอินทรา ซึ่งได้ผลตอบรับดีเกินคาดและปิดโครงการไปเป็นที่เรียบร้อย สำหรับดีเวลล็อปเปอร์รายใหญ่ที่อยู่มานานกว่า 53 ปี อย่าง “สัมมากร” โดยขณะนี้ได้เดินหน้าพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยวระดับลักซ์ชัวรี “พาร์ค เฮอริเทจ พัฒนาการ” และประกาศตั้งเป้าปิดโครงการกลางปี 2567 โดยล่าสุด “สัมมากร” ได้เปิดตัวหนังโฆษณาสุดสร้างสรรค์ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “The Book of the UNKNOWN” ณพน เจนธรรมนุกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท สัมมากร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ปัจจุบันคนส่วนใหญ่เริ่มมองหาบ้านที่สามารถตอบโจทย์การอยู่อาศัยแบบครอบครัวใหญ่ได้ เราจึงอยากใช้ประสบการณ์กว่า 53 ปี ในการเป็นดีเวลล็อปเปอร์เข้ามาพัฒนาตรงนี้ด้วยจุดแข็งของแบรนด์ที่สร้างบ้านจากความเข้าใจในวิถีชีวิตของคนไทยอย่างแท้จริงที่ผสมผสานความโมเดิร์นเข้าไปในงานดีไซน์เพื่อการอยู่อาศัยในระยะยาว โดยจากพฤติกรรมการเลือกซื้อบ้านของผู้บริโภคในปัจจุบันนี้จะคำนึงถึงอนาคตมากขึ้นเเละให้ความสำคัญกับเรื่องทำเล รวมถึงการจัดสรรพื้นที่ภายในบ้านให้ตอบโจทย์กับการอยู่อาศัยมากขึ้น อย่างโครงการ พาร์ค เฮอริเทจ พัฒนาการ ที่กำลังพัฒนาอยู่ตอนนี้เป็นโครงการบ้านเดี่ยวที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ และอยู่ใจกลางเมืองใกล้ย่านเอกมัย ทองหล่อ ซึ่งหาได้ค่อนข้างยากในตอนนี้” จากจุดแข็งของ “สัมมากร” ที่เข้าใจในพฤติกรรมการใช้ชีวิตของคนไทย จึงพัฒนาการออกแบบบ้านให้เหมาะกับความต้องการใช้งานของทุกคน แม้ว่าผู้อยู่อาศัยจะมีไลฟ์สไตล์และกิจกรรมที่แตกต่างกัน ผ่านการใช้ 5 กลยุทธ์ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ได้แก่ บ้านคุณภาพที่ไว้วางใจได้ จากการคัดเลือกวัสดุ ความแข็งแรง ตลอดจนระบบสาธารณูปโภค ให้บ้านเป็นพื้นที่ของทุกคนในครอบครัว จากกลุ่มลูกค้าหลักที่เป็นวัยทำงาน และอยู่อาศัยเป็นครอบครัว สัมมากรจึงมีการออกแบบฟังก์ชั่นการอยู่อาศัยให้ตอบโจทย์คนทุกเจเนอเรชั่น บ้านที่ดีมาพร้อมกับสังคมที่ดี จากการสร้างสรรค์สภาพแวดล้อมที่ดี ไม่ว่าจะเป็น ระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง ไปจนถึงการดูแลระเบียบกฎเกณฑ์การอยู่อาศัยร่วมกันภายในหมู่บ้าน เติมเต็มบ้านให้มีชีวิตด้วยพื้นที่สีเขียว ทุกโครงการของสัมมากร ถูกออกแบบให้ผู้อยู่อาศัยได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติ โดยจัดสรรให้มีพื้นที่สีเขียวมากกว่าที่กฎหมายกำหนด ทำเลทองด้วยไลฟ์สไตล์อันลงตัว ที่ตอบโจทย์เรื่องความสะดวกสบายในการเดินทาง เชื่อมต่อกับทางด่วน หรือใกล้โครงการรถไฟฟ้า เพื่อให้บ้านสอดคล้องกับวิถีชีวิตของผู้อยู่อาศัยได้อย่างลงตัว สำหรับโครงการ “พาร์ค เฮอริเทจ พัฒนาการ” เมกะโปรเจ็คที่กำลังพัฒนาอยู่ตอนนี้ “สัมมากร” ต้องการมุ่งตอบสนองความต้องการของลูกค้าระดับ...
เฉลิมฉลองครบรอบ 11 ปีครั้งยิ่งใหญ่ สำหรับ “คอนวี่” (Konvy) บิวตี้อีคอมเมิร์ซอันดับ 1 ของไทย โดยครั้งนี้จัดแคมเปญเอาใจผู้บริโภค ‘Konvy 11th Anniversary Mega Sale 2023’ ดึง 100 แบรนด์ความงามชั้นนำทั้งสกินแคร์, เครื่องสำอาง และน้ำหอมหรู ร่วมทัพโปรโมชั่นฉลองครบรอบ 11 ปี  จัดหนักจัดเต็มถึง 11 วัน ตั้งแต่วันที่ 1-11 สิงหาคม 2566 นายคิงก้วย หวง ประธานคณะผู้บริหารและผู้ก่อตั้ง (CEO & Co-Founder) บริษัท คอนวี่ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า “เราตั้งเป้าหมายให้คอนวี่เป็นแพลตฟอร์มที่เป็นตัวกลางระหว่างแบรนด์และผู้บริโภค โดยมุ่งผลักดันให้แบรนด์มีพื้นที่ในการขายสินค้า และเพิ่มช่องทางการเข้าถึง (Accessibilty) ซึ่งบางแบรนด์อาจจะขายในช่องทางของตนเองหรือวางขายในห้างสรรพสินค้าอยู่แล้ว แต่ต้องการช่องทางการขายในตลาดมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ชั้นนำหรือแบรนด์ใหม่ๆ ก็สามารถเข้ามาเป็นพาร์ทเนอร์กับคอนวี่ได้ เพราะเราอยากช่วยผลักดันให้แบรนด์ได้เติบโตขึ้น โดยคอนวี่และแบรนด์ได้มีการพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอยู่ตลอดเกี่ยวกับกลยุทธ์เพื่อวางแผนธุรกิจร่วมกัน รวมถึงโปรเจ็คพิเศษมากมาย โดยมีเป้าหมายคือการตอบสนองความต้องการของลูกค้า และเพื่อให้แบรนด์เติบโตมากขึ้น จากช่องทางการจำหน่ายที่หลากหลาย รวมถึงบรรลุในเป้าหมายที่วางไว้ร่วมกัน” “โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา คอนวี่เป็นบิวตี้อีคอมเมิร์ชที่เน้นการขายในช่องทางออนไลน์เป็นหลัก แต่เราไม่จำกัดตนเองแค่การเป็น Online Platform เท่านั้น เพราะในขณะที่พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เราเองก็ต้องพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนตลอดเวลาด้วยเช่นกัน ในปีนี้ คอนวี่จึงได้ขยายพื้นที่มากขึ้นด้วยการเปิดออฟไลน์เป็นหน้าร้านสาขาแรกที่สยามเซ็นเตอร์ ชั้น M ขึ้นมา และกำลังจะมีสาขาอื่นเปิดอีกในอนาคต ซึ่งหน้าร้านของคอนวี่นั้นเปิดขึ้นมาภายใต้คอนเซ็ปต์ Konvy Selected Beauty Store  โดยสินค้าทุกชิ้นที่นำมาวางขายภายในร้านจะเป็นสินค้าที่ทางคอนวี่ได้คัดสรรมาให้แล้วอย่างดี ทั้งสินค้าที่ได้รับความนิยมในออนไลน์ สินค้าที่มีรีวิวดี และสินค้าที่กำลังเป็นกระแส ให้ลูกค้าได้มาเดินเลือกชม   อีกทั้งยังเป็นการแก้ปัญหาจุดอ่อนของธุรกิจอีคอมเมิร์ซโดยการให้ลูกค้าได้มาลองสินค้าจริงอีกด้วย”...
ในยุคที่ธุรกิจร้านกาแฟมีการแข่งขันสูงอย่างในปัจจุบัน แน่นอนว่าหนึ่งสิ่งที่จะสามารถทำให้แบรนด์แตกต่างจากคู่แข่งได้ก็คือความพิเศษของเมนูที่มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น รวมถึงความแปลกใหม่ของรสชาติที่ผู้บริโภคต่างเรียกหา โดยล่าสุดเชนร้านกาแฟในเครือพีทีจี (PTG) อย่าง “กาแฟพันธุ์ไทย” ก็ได้ประกาศเปิดตัวแคมเปญการตลาดสุดสร้างสรรค์ที่ชื่อว่า “ตาลปี๊ดรีเทิร์น” กับการนำ 5 เมนูยอดนิยมสูงสุดในรอบ 2 ปี ที่ผ่านมา ที่มีส่วนผสมของ ‘ตาลโตนด’ และ ‘ส้มมะปี๊ด’ กลับมาจำหน่ายอีกครั้ง พร้อมเสิร์ฟความสดชื่นพร้อมกันแล้ววันนี้ทั่วประเทศ นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG กล่าวว่า “เรายังคงตั้งมั่นที่จะพัฒนาแบรนด์กาแฟพันธุ์ไทยให้ขึ้นเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในใจของผู้บริโภคให้มากที่สุด ด้วยเสน่ห์ของการพัฒนาเมนูให้มีความหลากหลาย แปลกใหม่ และแตกต่างจากคู่แข่ง โดยการใช้วัตถุดิบท้องถิ่นรสชาติดีของไทยที่หาทานได้ยากจากแหล่งที่ดีที่สุด เพื่อเป็นการสนับสนุนเกษตรกรไทย ในการนำมาพัฒนาเป็นเครื่องดื่มที่มีความเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งเมนูเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของตาลโตนดและส้มมะปี๊ด เรียกได้ว่าเป็นเมนูได้เคยประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก เราจึงนำกลับมาวางจำหน่ายแบบถาวรเพื่อให้ผู้บริโภคที่เคยติดใจในรสชาติได้ลิ้มรสกันได้ทุกวัน รวมถึงขยายฐานไปยังลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ให้ได้มาลิ้มลองเครื่องดื่มสไตล์พันธุ์ไทยที่ไม่สามารถหาชิมได้ที่ไหนอย่างแน่นอน” จุดแข็งของแคมเปญ “ตาลปี๊ดรีเทิร์น” คือวัตถุดิบที่ทางแบรนด์เลือกใช้ ได้แก่ ‘ตาลโตนด’ จากอำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา พื้นที่ที่มีการเพาะปลูกมากที่สุด และคัดสรรเฉพาะต้นตาลที่มีความสูงถึง 15 – 20 เมตร เป็นน้ำตาลธรรมชาติที่ให้รสหวานแหลมที่ต้องเคี่ยวอย่างน้อย 6 ชั่วโมง และ ‘ส้มมะปี๊ด’ จากจังหวัดจันทบุรีผลไม้ประจำถิ่นเมืองจันท์ ที่อุดมไปด้วยคุณประโยชน์ที่ให้วิตามินสูง รสชาติเปรี้ยว และสดชื่น ผ่านกระบวนการผลิตที่เลือกใช้ส้มจากธรรมชาติ ไม่มีน้ำตาลเป็นส่วนผสม ไม่ใส่วัตถุกันเสีย ไม่แต่งสีและกลิ่น เพื่อคงเอกลักษณ์และคุณประโยชน์ของวัตถุดิบเอาไว้ให้ได้มากที่สุด สำหรับกลุ่มเป้าหมายที่ “กาแฟพันธุ์ไทย” ต้องการเจาะนั้นเป็นกลุ่มหนุ่มสาวออฟฟิศรุ่นใหม่ หรือ First Jobber ที่มีอายุตั้งแต่ 24 – 35 ปี และมีไลฟ์สไตล์ที่ชื่นชอบความแปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร เพราะมองว่าเป็นกลุ่มที่มีพฤติกรรมการดื่มกาแฟหรือเครื่องดื่มเป็นประจำ เพื่อต้องการความสดชื่นและกระปรี้กระเปร่าในการทำงาน โดยกลยุทธ์การตลาดนั้นทางแบรนด์เลือกบุกย่าน CBD (ย่านศูนย์กลางธุรกิจ) ใจกลางเมือง อาทิ ย่านสีลม ด้วยการเดินทรูป (Troop) ลงพื้นที่โฆษณาเพื่อแนะนำเมนูและให้คนได้ทดลองชิมเครื่องดื่มเมนูใหม่...
บริษัท เพนทา อินโนเทค จำกัด นำโดย คุณชลิตา มุ่งวิวัฏ ประธานบริหารฯ ได้เล็งเห็นถึงปัญหามลพิษทางอากาศอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาวได้ จึงเกิดเป็นแนวคิดที่ต้องการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เพื่อลดปัญหามลพิษทางอากาศขึ้น โดยร่วมมือกับ รศ.ภญ.ร.ต.อ.หญิง ดร.สุชาดา สุขหร่อง จากบริษัท เฮิร์บ การ์เดียน จำกัด บริษัทสตาร์ทอัพภายใต้การบ่มเพาะขององค์กรที่รวบรวมนวัตกรรมทางสุขภาพ โดยคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (CU Pharmacy Enterprise) และโครงการศูนย์กลางนวัตกรรมแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (CU Innovation Hub) เปิดตัวแบรนด์ ‘PhytFoon’ (ไฟท์ฝุ่น) สุดยอดนวัตกรรมเพื่อลดปัญหามลพิษทางอากาศ ที่สามารถใช้ได้ในอาคาร ที่อยู่อาศัย หรือในบริเวณพื้นที่ปิด พร้อมเปิดตัว ‘PhytFoon Spray’ (ไฟท์ฝุ่น สเปรย์) ผลิตภัณฑ์ที่สามารถลดปริมาณของฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน (PM2.5) ได้ เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนในยุคปัจจุบันในวันที่ต้องเผชิญกับปริมาณของฝุ่นละอองที่เกินกว่าค่ามาตรฐาน ณ ห้อง Ballroom A โรงแรมเรเนซองส์ ราชประสงค์
“เคอรี่ เอ็กซ์เพรส” (Kerry Express) มุ่งสร้างความสุขให้ทุกการส่งและการรับ เปิดตัวกล่องพัสดุดีไซน์ใหม่ ในคอนเซ็ปต์ “Keep calm and Kerry on” พร้อมเชิญ 4 เซเลบริตี้สาวเจ้าของธุรกิจออนไลน์ชั้นนำ ร่วมเวิร์คช็อปเผยเทคนิคการสร้างแบรนด์ให้ประสบความสำเร็จ และเคล็ดลับการเลือกซื้อของออนไลน์ ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมานั้น ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงมากมายให้กับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของผู้คนที่ต้องปรับตัว บางคนที่ต้องกักตัวอยู่บ้านได้สนุกกับการเข้าครัวทำอาหาร ในขณะที่หลายคนอาจจะมีความสุขกับการช้อปปิ้ง หรือขายของออนไลน์ สำหรับแบรนด์ผู้นำด้านการจัดส่งพัสดุด่วนทั่วไทยอย่าง “เคอรี่ เอ็กซ์เพรส” (Kerry Express) ตัวกลางความสุขที่ได้เห็นถึงไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปของคนไทยเพราะหันมาใช้บริการจัดส่งพัสดุกันมากขึ้น ล่าสุด อเล็กซ์ อึ้ง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) จึงได้เปิดตัวกล่องดีไซน์ใหม่ที่ต่อยอดความคิดมาจากแคมเปญ ‘Keep calm and Kerry on’ และได้ 4 เซเลบริตี้เจ้าของธุรกิจออนไลน์ชื่อดัง ได้แก่ ปาวา นาคาศัย เจ้าของมัลติแบรนด์สโตร์ชื่อดัง ‘โซลิด สเตท’ (Solid State), วาริธร กันท์ไพบูลย์ ดีไซน์เนอร์สาวเจ้าของธุรกิจแบรนด์เสื้อผ้า ‘วาริธร บูติค’ (Varithorn Boutique), อัชฌา เจริญรัศมีเกียรติ สาวแฟชั่นนิสต้าเจ้าของร้านเสื้อผ้าชื่อดังในโลกออนไลน์ ‘ฟิฟท์ ซีซั่น’ (Fifth season) และ ฐฤณณรัตน์...
การพัฒนาของเทคโนโลยีนั้นส่งผลต่อพฤติกรรมการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคเป็นอย่างมาก และยังคงเป็นเรื่องท้าทายสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ อยู่เสมอ แม้ก่อนหน้านี้ผู้คนส่วนใหญ่จะให้ความสนใจการจับจ่ายใช้สอยผ่านร้านค้าออนไลน์บ้าง แต่ก็ยังมีบางกลุ่มที่ยังคงนิยมพฤติกรรมการใช้จ่ายแบบเดิม แต่ด้วยสถานการณ์ล็อกดาวน์ในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา ส่งผลให้ผู้บริโภคส่วนใหญ่คุ้นชินกับการใช้เทคโนโลยีกันมากขึ้น และทำให้พฤติกรรมของคนเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะพฤติกรรมที่ต้องการประหยัดเวลา ซึ่งเกิดจากต้องการความสะดวกสบายในชีวิต ล่าสุด “พาคามาร่า คอฟฟี่ โรสเตอร์” (Pacamara Coffee Roasters) แบรนด์กาแฟ Specialty สัญชาติไทยระดับพรีเมียม เปิดตัว พาคามาร่า โมบายล์ แอปพลิเคชัน” Specialty Coffee Application แอปฯ แรกของเมืองไทยที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปหลังวิกฤตโควิด-19 ด้วยจุดเด่นที่ลูกค้าสามารถสั่งซื้อเมนูกาแฟผ่านแอปฯ และสามารถเลือกเปลี่ยนเมล็ดกาแฟได้เหมือนกับไปสั่งที่ร้าน ภายใต้แนวคิด “PACAMARA…..Everyday Specialty – พาคามาร่า กาแฟสเปเชียลตี้ที่คุณดื่มได้ทุกวัน”   นายชาตรี ตรีเลิศกุล กรรมการ บริษัท พีเบอร์รี่ ไทย จำกัด และผู้ก่อตั้งแบรนด์ “พาคามาร่า คอฟฟี่ โรสเตอร์” (Pacamara Coffee Roasters) กล่าวถึงวัตถุประสงค์การพัฒนาแอปฯ นี้ขึ้นว่า...

My New Stories