Category

All
สัมผัสนิยามใหม่ของนาฬิกาสไตล์โมโนโครม ที่สะท้อนความหรูหราอย่างร่วมสมัย ผสานความโมเดิร์นกับกลิ่นอายวินเทจได้อย่างลงตัว เมื่อแบรนด์นาฬิกา Swiss made ชื่อดังอย่าง มิโด (MIDO) ได้ประกาศเปิดตัวเรือนเวลาใหม่ในคอลเลกชั่น มัลติฟอร์ท ทีวี บิ๊ก เดท ไทเทเนียม (Multifort TV Big Date Titanium) ที่ยังคงเอกลักษณ์หน้าปัดทรงทีวีสุดคลาสสิก เข้ากับการเลือกใช้วัสดุไทเทเนียมที่ให้สัมผัสเบาสบาย แต่ยังคงไว้ซึ่งความแข็งแรงทนทาน พร้อมโทนสีเทาเงินด้วยเทคนิคการทำสีสไตล์โมโนโครมสุดประณีต ที่เติมเต็มความมีสไตล์ให้กับผู้สวมใส่ได้อย่างลงตัว มิโด (MIDO) แบรนด์นาฬิกาที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 100 ปี นับตั้งแต่ จอร์จ แชแรน (GEORGES SCHAEREN) เริ่มก่อตั้งบริษัท MIDO G.SCHAEREN & CO. AG ขึ้นที่เมืองโซโลธูร์น ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ตั้งแต่ ค.ศ. 1918 ภายใต้ปรัชญาของการสร้างสรรค์แบรนด์ให้อยู่เหนือกาลเวลาด้วยแนวคิดการออกแบบที่ร่วมสมัย ผ่านการคัดเลือกวัสดุคุณภาพเยี่ยมที่มีความหรูหรา ทนทาน และยังคงไว้ซึ่งฟังก์ชันการใช้งานที่ครบถ้วน สำหรับเรือนเวลาดีไซน์ใหม่ล่าสุดจาก มิโด (MIDO) ในคอลเลกชั่น มัลติฟอร์ท ทีวี บิ๊ก เดท ไทเทเนียม (Multifort TV Big Date Titanium) นำเสนอรูปลักษณ์ที่โดดเด่นในทุกมิติ ผ่านวัสดุไฮเทคระดับพรีเมียมอย่างไทเทเนียม (Titanium) มาพร้อมหน้าปัดทีวีสุดคลาสสิกที่กลับมาโลดแล่นอีกครั้งเพื่อตอกย้ำความสำเร็จของ มัลติฟอร์ท ทีวี บิ๊ก เดท (Multifort TV...
ครบรอบ 1 ปีเต็ม สำหรับ วัน แบงค็อก รีเทล (One Bangkok Retail) แลนด์มาร์กแห่งไลฟ์สไตล์อันครบครันใจกลางกรุงเทพฯ ที่เป็นแหล่งเช็กอินสุดโปรดของเหล่าคนเมือง ล่าสุดเฉลิมฉลองครั้งใหญ่กับแคมเปญ “TURNS ONE” The First of Many Celebrations จุดเริ่มต้นแห่งช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองตลอดเดือนตุลาคมต่อเนื่องสู่เทศกาลปลายปี เพื่อตอกย้ำแนวคิด “The Rhythmic Shopping Experience at the Heart of Bangkok” ในฐานะพื้นที่ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของคนเมือง ด้วยการเนรมิตทุกมุมให้เต็มไปด้วยสีสันและความสนุก พร้อมอัปเดตร้านค้าเปิดใหม่ที่ทุกคนรอคอย! ไม่ว่าจะเป็น แบรนด์ดังระดับโลกอย่าง BOSS, BOSS Café, The Decorum Park House, On Cloud Flagship Store, alo, Pasticceria Cova, Tesla Experience Center รวมถึงแบรนด์แฟชั่นและไลฟ์สไตล์ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของคนเมือง อาทิ Brooks Brothers, DJI, M.A.C, LEGO, Bardo Brasserie, Standard Product, CHAGEE, The Gastro District & Bar, Well-Healing by MedPark และ แบรนด์สตรีทแฟชั่นขวัญใจคนรุ่นใหม่อย่าง CARNIVAL อีกทั้งยังมีโปรโมชั่นสุดพิเศษมากมายที่รังสรรค์ขึ้นเพื่อร่วมเฉลิมฉลองไปกับเทศกาลงานครบรอบ 1 ปีเต็มครั้งนี้ โดยความพิเศษของร้านค้าเปิดใหม่ครั้งนี้คือการที่แต่ละแบรนด์มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์ที่น่าสนใจ อาทิ Tesla Experience Center แฟล็กชิปสโตร์แห่งใหม่ใจกลางเมือง พื้นที่การเรียนรู้นวัตกรรมแห่งอนาคตและเทคโนโลยีของยานยนต์สุดล้ำ ส่งมอบประสบการณ์เพื่อให้ทุกคนที่สนใจได้ทดลองขับและสัมผัสและความพิเศษของ Tesla อย่างใกล้ชิด รวมถึง BOSS Flagship คอนเซ็ปต์สโตร์ดูเพล็กซ์แห่งใหม่ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมเปิดตัว BOSS Café ครั้งแรกในไทยและภูมิภาค, The Decorum Park House คอนเซ็ปต์สโตร์ที่ผสานแฟชั่น ไลฟ์สไตล์...
ท่ามกลางช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปี ของศิลปะอาร์ตเดโค (Art Deco) ทิสโซต์ (Tissot) ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมเรือนเวลาคุณภาพสูง ด้วยการเปิดตัวนาฬิกา เอสอาร์วี (SRV) เรือนเวลารุ่นใหม่ล่าสุด ที่ผสมผสานเสน่ห์เหนือกาลเวลาของสไตล์เรขาคณิตจากช่วงทศวรรษ 1920 เข้ากับแรงบันดาลใจจากดีไซน์วินเทจจากรุ่นปี 1975 ไว้ด้วยกันอย่างวิจิตรบรรจง และเป็นเครื่องย้ำเตือนถึงช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงในประวัติศาสตร์เมื่อผู้หญิงเริ่มมีบทบาทในการขับเคลื่อนทางสังคมและเป็นอิสระอย่างแท้จริง               ทิสโซต์ (Tissot) แบรนด์ผู้ผลิตนาฬิกาคุณภาพมาตรฐานตามแบบฉบับ Swiss made ที่ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ.1853 โดยมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 170 ปี ด้วยความมุ่งมั่นและความเชี่ยวชาญในการสร้างสรรค์นาฬิกาประสิทธิภาพสูงในดีไซน์ที่มีความทันสมัยอย่างมีเอกลักษณ์ อีกทั้งยังเป็นแบรนด์ที่ได้การยอมรับในแวดวงกีฬา ในฐานะผู้ผลิตนาฬิกาที่มีเทคโนโลยีระบบจับเวลาด้านความเที่ยงตรงแม่นยำสูงสุด               โดยเรือนเวลา ทิสโซต์ เอสอาร์วี ได้ถ่ายทอดถึงความเปล่งประกายและเสน่ห์อันโดดเด่นของผู้หญิงยุคใหม่ ที่มีทั้งความทันสมัย เป็นอิสระ ชอบเข้าสังคม มีความเป็นมืออาชีพและกล้าที่จะแตกต่าง ผ่านการดีไซน์นาฬิการูปทรงสี่เหลี่ยมที่เจียระไนอย่างประณีตราวกับอัญมณีพร้อมตกแต่งด้วยกระจกมุมที่สะท้อนถึงรูปทรงเรขาคณิตอันเป็นเอกลักษณ์ ให้ความรู้สึกความหรูหราแบบวินเทจและแฝงไว้ด้วยความเรียบเท่ที่ทันสมัย สื่อถึงความเปล่งประกายของผู้หญิงในทุกแง่มุม ซึ่งนับเป็นการยกย่องช่วงเวลาสำคัญในประวัติศาสตร์เมื่อผู้หญิงเริ่มก้าวสู่ตำแหน่งสำคัญอย่างเต็มภาคภูมิ และในแต่ละดีไซน์ของคอลเลกชันยังบ่งบอกถึงเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทำให้ เอสอาร์วี (SRV) เป็นมากกว่านาฬิกา แต่เป็นสัญลักษณ์ที่ทำให้ผู้สวมใส่กล้าที่จะโดดเด่นและเป็นตัวของตัวเอง โดยก่อนหน้านี้ ทิสโซต์ (Tissot) ได้เปิดตัวแคมเปญที่นำเสนอเรื่องราวของนาฬิกาผ่านความมีสไตล์ของ อากาธ เทซซิเอร์ (Agathe Teyssier) นางแบบสาวผู้เปี่ยมด้วยบุคลิกอันน่าหลงใหล เป็นตัวแทนของความมั่นใจ ความยืดหยุ่น และใช้ชีวิตในแบบของตนเองอย่างสง่างามไร้ข้อจำกัด เอสอาร์วี (SRV) เป็นเรือนเวลาดีไซน์วินเทจเรียบหรู ที่มาพร้อมกลไกควอตซ์ EOL (End of Life) ด้วยคุณสมบัติให้ความแม่นยำสูง และมีตัวบ่งชี้สถานะพลังงานที่ช่วยให้ผู้สวมใส่เตรียมพร้อมสำหรับทุกสถานการณ์ โดย SRV นั้นมาจากคำว่า Sapphire, Rectangle และ V ที่สื่อถึงการกันน้ำได้ลึกถึง 50 เมตร (5 บาร์) ซึ่งเรือนเวลา เอสอาร์วี (SRV) ได้ผสมผสานความแม่นยำและความทนทานเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว พร้อมกับเสน่ห์ดึงดูดใจแบบวินเทจที่คงอยู่เหนือกาลเวลา สำหรับ เอสอาร์วี...
สะท้อนจิตวิญญาณของความสง่างามเหนือกาลเวลาและนวัตกรรมอันล้ำสมัย ผ่านการออกแบบที่ผสานระหว่างมรดกทางหัตถศิลป์กับสถาปัตยกรรมร่วมสมัยได้อย่างลงตัว เมื่อ เบรเกต์ (Breguet) แบรนด์นาฬิกาชั้นสูงจากสวิสที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 250 ปี เปิดตัวบูติคโฉมใหม่ ณ ห้างสรรพสินค้า ION Orchard ประเทศสิงคโปร์ ที่นับเป็นบูติคภายใต้คอนเซ็ปต์ใหม่แห่งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การออกแบบบูติคแห่งนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมร่วมสมัยที่ปรากฏในสาขาสำคัญของแบรนด์ อาทิ สาขาแฟลกชิปสโตร์ที่ถนน Bahnhofstrasse ใน Zurich ด้วยการออกแบบภายในจากการใช้วัสดุอันหรูหราอย่างไม้วอลนัทดำ (American walnut) หินอ่อนโทนอบอุ่น และเส้นโค้งอันอ่อนช้อย ที่มีพรมภายในร้านประดับลวดลายกิลโยเช่ (guilloché) อย่างประณีต ขอบเฟอร์นิเจอร์สะท้อนแรงบันดาลใจจากดีไซน์ตัวเรือนอันเป็นเอกลักษณ์ของเมซง พร้อมเติมเต็มบรรยากาศด้วยโทนสีฟ้า Breguet Blue ถ่ายทอดเอกลักษณ์เชิงหัตถศิลป์อันเป็นตำนาน ที่ทรงพลังและเปี่ยมความสง่างาม เพื่อมอบประสบการณ์ที่เหนือระดับแก่ผู้มาเยือน บูติคถูกออกแบบให้มีโซนส่วนตัวที่สงบและอบอุ่นสำหรับการสัมผัสเรือนเวลาชั้นเลิศอย่างใกล้ชิด พร้อมจัดแสดงคอลเลกชั่นไอคอนิก อาทิ Classique, Tradition, Marine และ Reine de Naples รวมถึงมุมให้คำปรึกษาแบบเอ็กซ์คลูซีฟที่สะท้อนปรัชญาการดูแลลูกค้าของแบรนด์อย่างแท้จริง การเปิดบูติคโฉมใหม่ครั้งนี้ไม่เพียงตอกย้ำจุดยืนของ เบรเกต์ (Breguet) ในฐานะแบรนด์นาฬิกาที่เปี่ยมด้วยมรดกทางประวัติศาสตร์ หากยังเป็นเครื่องยืนยันถึงความมุ่งมั่นที่จะสานต่อจิตวิญญาณแห่งการสร้างสรรค์และนวัตกรรม เพื่อตอบสนองต่อผู้หลงใหลในศิลปะแห่งเรือนเวลาทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในโอกาสที่แบรนด์เฉลิมฉลองครบรอบ 250 ปีแห่งนวัตกรรม การคิดค้น และความสง่างาม เบรเกต์ (Breguet) ยังคงสืบสานวิสัยทัศน์ของผู้ก่อตั้ง พร้อมมุ่งสู่อนาคตอย่างมั่นคงต่อไป
ยิ่งใหญ่สมการรอคอย! เมื่อ มิโด (MIDO) แบรนด์นาฬิกาหรูจากสวิตเซอร์แลนด์ ถ่ายทอดไอเดียสดใหม่ จัดงาน Prime-Time Event 2025 ครั้งสำคัญของเอเชีย พร้อมเผยโฉม มัลติฟอร์ท ทีวี โครโนกราฟ (Multifort TV Chronograph) เรือนเวลาที่มาพร้อมรูปทรงทีวีอันเป็นเอกลักษณ์ใน 3 ดีไซน์อันโดดเด่น ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากดีไซน์ยอดนิยมในยุค 1970 ที่กลับมาอีกครั้งในปี 2023 และยังคงสร้างความประทับใจให้แก่เหล่าคนรักนาฬิกาทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้ มิโด (MIDO) ได้นำเสนอความล้ำหน้าอีกขั้นด้วยการบรรจุฟังก์ชันโครโนกราฟ (Chronograph) ลงในคอลเลกชั่นมัลติฟอร์ท ทีวี เป็นครั้งแรก ตอกย้ำความเชี่ยวชาญและศักยภาพในการสร้างสรรค์นาฬิกาได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยในงานสุดพิเศษครั้งนี้ มร.ฟรานซ์ ลินเดอร์ (Mr. Franz Linder) ประธานบริหารแบรนด์ มิโด (MIDO) ได้เนรมิตบรรยากาศงานอันน่าประทับใจ ณ โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อต้อนรับแขกสุดพิเศษกว่า 150 ท่านจากทั่วภูมิภาคเอเชีย รวมถึงได้รับเกียรติจากเหล่าเซเลบริตี้แฟนคลับแบรนด์ตบเท้าเข้าร่วมงานกันอย่างคับคั่ง อาทิ ชนินทร์ เตรัตนชัย, หฤทัย ไชยันต์ ณ อยุธยา, เฉลิมพล อัครภิญโญกุล, ปรีดากร เมธเกรียงชัย, ยวิษฐา กรินชัย, วิชาดา พูลผล และอีกมากมาย อีกทั้งยังมีนักแสดงแถวหน้าของเมืองไทยอย่าง เก้า-นพเก้า เดชาพัฒนคุณ, มีน-พีรวิชญ์ อรรถชิตสถาพร และ บี้-ธรรศภาคย์ ชี มาร่วมสัมผัสประสบการณ์สุดประทับใจในค่ำคืนแห่งความเหนือระดับนี้ มิโด (MIDO) แบรนด์นาฬิกาที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 100 ปี นับตั้งแต่ จอร์จ แชแรน (GEORGES SCHAEREN) เริ่มก่อตั้งบริษัท MIDO G.SCHAEREN &...
Pacamara Coffee Roasters เดินหน้าขยายบทบาทของแบรนด์จากคาเฟ่กาแฟสเปเชียลตี้สู่พื้นที่แห่งการดูแล สร้าง Community of Care ด้วยการกลับมาเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบอีกครั้ง ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา บริเวณทางเชื่อมระหว่างอาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์ และอาคาร สก พร้อมเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมสิทธิพิเศษสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ ตอกย้ำแนวทางธุรกิจที่เติบโตเคียงข้างสังคมด้วยความใส่ใจ พร้อมสะท้อนแนวคิด “People Together – Living Together” ที่มุ่งยกระดับประสบการณ์กาแฟให้เป็นมากกว่าการดื่ม แต่คือพื้นที่แห่งพลังใจและความใส่ใจในทุกรายละเอียด เมื่อแพทย์, พยาบาล, บุคลากรโรงพยาบาล, นิสิตแพทย์, ญาติผู้ป่วย และผู้ใช้บริการทุกคนได้เข้ามามีช่วงเวลาที่ดีที่ Pacamara ด้วยแนวคิด “People Together – Living Together” สาขานี้จึงถูกออกแบบให้เป็นพื้นที่ที่ทุกคนสามารถใช้ร่วมกันได้อย่างกลมกลืน ทั้งการตกแต่งที่โปร่ง สว่าง สะอาด ภายใต้แนวคิดการออกแบบ Calm Energy ที่มุ่งเป็นพื้นที่พักใจระหว่างวัน โดยเน้นโทนสีอบอุ่น แสงธรรมชาติ และเคาน์เตอร์ที่ให้บริการรวดเร็วแต่ยังคงคุณภาพกาแฟระดับ Pacamara ไว้อย่างครบถ้วน พร้อมกันนี้ยังมีเมล็ดกาแฟเบลนด์พิเศษอย่าง “KCMH BLEND” ซึ่งมีจำหน่ายเฉพาะสาขานี้เท่านั้น เป็นเมล็ดกาแฟเบลนด์จาก 3 แหล่งเพาะปลูกประเทศบราซิล อินโดนีเซีย และไทย มีบอดี้ที่เข้มข้น รสชาติหวานปนขมนิดๆ สไตล์ดาร์กช็อกโกแลต มีกลิ่นหอมคล้ายวอลนัทและแบล็คที ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของบุคลากรโรงพยาบาลโดยเฉพาะ ที่ชื่นชอบกาแฟคั่วเข้มบอดี้แน่นๆ ช่วยกระตุ้นให้ตื่นตัวเวลาทำงาน แต่ยังคงมีรสชาติที่ดีตามมาตรฐาน Pacamara และเพื่อสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์อย่างแท้จริง Pacamara มอบ ส่วนลด 50% สำหรับเครื่องดื่ม และ 15% สำหรับเบเกอรี่และแซนด์วิช สำหรับแพทย์, พยาบาล, บุคลากรทางการแพทย์ และนิสิตแพทย์ทุกคน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแนวคิด CSR ที่แบรนด์ตั้งใจให้กลับคืนแก่ผู้เสียสละในการดูแลชีวิตของผู้อื่น นอกจากนี้เพื่อความสะดวกสูงสุด Pacamara ยังคงมีบริการ Pick-up สั่งล่วงหน้า...
กรี๊ดสนั่นฮอลล์! กับค่ำคืนที่ ID* ต้องจดจำทุกโมเมนต์แห่งความสุขไปอีกแสนนาน กับคอนเสิร์ตเดี่ยว “2025 B.I TOUR: The Last Parade Tour in BANGKOK” ที่ไม่ใช่เพียงแค่คอนเสิร์ต แต่คือ “พาเหรดการเฉลิมฉลองแห่งความฝันและความผูกพัน” ระหว่าง B.I และ ID ชาวไทย ที่ผู้ชมทั้งฮอลล์ต่างส่งเสียงกรี๊ดกระหึ่มในค่ำคืนที่อัดแน่นด้วยความสุข เมื่อ B.I ศิลปินหนุ่มเสน่ห์เกินต้าน ระเบิดโชว์สุดมันบนเวทีเดี่ยวครั้งยิ่งใหญ่เมื่อวันเสาร์ที่ 16 สิงหาคมที่ผ่านมา การกลับมาประเทศไทยครั้งนี้ B.I จัดเต็มมอบโชว์สุดเอ็กซ์คลูซีฟให้ชาว ID ได้อินไปกับทุกอารมณ์ตลอด 3 ชั่วโมงเต็ม ที่อัดแน่นด้วยความสุข ความสนุก และโมเมนต์น่าประทับใจแบบไม่มีสะดุด ไม่ว่าจะเป็นเสียงร้องที่ถ่ายทอดอารมณ์ได้อย่างเข้มข้น ท่าเต้นเปี่ยมพลัง ไปจนถึงเสน่ห์การเอนเตอร์เทนที่ทำให้แฟนๆ ทั้งร้อง เต้น และโยกตามทุกจังหวะ ทันทีที่ไฟดับลงฮอลล์ทั้งฮอลล์ก็สว่างไสวด้วยพลังของแฟนๆ ที่พร้อมใจกันลุกขึ้นต้อนรับด้วยการโชว์แท่งไฟ พร้อมเสียงกรี๊ดที่ผสานกับโปรดักชันอลังการบนจอยักษ์ ทำให้บรรยากาศเปิดฉากขึ้นอย่างยิ่งใหญ่กลายเป็น “พาเหรดแห่งความฝัน” ของบีไออย่างแท้จริง ก่อนที่ B.I จะปรากฎตัวพร้อมคาริสม่าที่สะกดทุกสายตา และอุ่นเครื่องด้วยเพลง “Parade” จุดชนวนพลังของทั้งศิลปินและ ID ไทยให้ระเบิดความมันอย่างพร้อมเพรียง ตลอดครึ่งแรก B.I ทั้งขนเพลงใหม่จากอัลบั้มล่าสุด และนำเพลงฮิตเก่าๆ มารีมิกซ์ใหม่พร้อมท่าเต้นที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ตอกย้ำภาพลักษณ์ศิลปินที่มีความสามารถรอบด้าน และสามารถสร้างสรรค์โชว์ได้หลากหลายมิติ นอกจากนี้ยังมีโมเมนต์ที่ทำให้ฮอลล์แทบแตก เมื่อเจ้าตัวแซวแฟนๆ ว่ากรุงเทพฯ ไม่ได้เป็นเพียงเมืองหลวงของประเทศใดประเทศหนึ่ง แต่นี่คือกรุงเทพมหานคร! เรียกเสียงกรี๊ดดังสนั่นจากเหล่าแฟนๆ ไม่หยุด ช่วงแฟนโปรเจกต์ก็เรียกน้ำตาได้ไม่น้อยเมื่อ ID ไทยได้เตรียมวิดีโอการ์ตูนวาดมือที่เล่าการเดินทางตั้งแต่วัยเยาว์ของ B.I จนถึงวันที่ยืนอยู่บนเวทีนี้ ถ่ายทอดความรักและแรงสนับสนุนที่อยู่เคียงข้างมาโดยตลอด สร้างบรรยากาศอบอวลด้วยความผูกพัน จนศิลปินเองไม่อาจซ่อนความประทับใจได้ นอกเหนือจากเซ็ตลิสต์สุดมันที่พาแฟนๆ เต้นจนแทบไม่มีช่วงได้นั่งพัก B.I ยังปล่อยวลีเด็ด “ตวีจุลบี!” (เตรียมกระโดด) ที่ทำให้ทั้งฮอลล์โยกไปพร้อมกันอย่างเมามัน และยังจัดเต็มอังกอร์ด้วยเพลงเดโม่ที่ไม่เคยปล่อยที่ไหนมาก่อน รวมถึง “Feel Good” เพลงที่เจ้าตัวแต่งขึ้นในประเทศไทยเพื่อมอบให้ ID ไทยโดยเฉพาะ เรียกได้ว่าเป็นของขวัญที่แฟนๆ ไม่มีวันลืม...
Viu (วิว) ตอกย้ำความเป็นผู้นำแพลตฟอร์มซีรีส์เกาหลีในไทย ด้วยการต่อยอดไลฟ์สไตล์ K-Culture อันเข้มข้น ผ่านงานสุดยิ่งใหญ่ Viu Hongdae Vibes ที่จะเนรมิตลานหน้าเซ็นทรัลเวิลด์ให้กลายเป็นย่าน ฮงแด ใจกลางกรุงเทพฯ 2 วันเต็ม ในวันที่ 30-31 สิงหาคมนี้ สาวกเกาหลีห้ามพลาด เพราะนอกจากซีรีส์แล้ว Viu (วิว) ยังขอพาเหล่าแฟนคลับไปร่วมสัมผัสวัฒนธรรมเกาหลีแบบจัดเต็มทั้งอาหาร แฟชั่น ดนตรี และกิจกรรมฮิตสุดเทรนดี้เสมือนบินไปโซล! โดยภายในงาน Viu Hongdae Vibes เตรียมพบกับประสบการณ์แบบเกาหลีจ๋า ที่ยกบรรยากาศของย่านฮงแดมาไว้ใจกลางกรุงเทพฯ อย่างแท้จริง! เดินทางสะดวกแค่นั่งรถไฟฟ้า BTS ก็มาถึงลานหน้าเซ็นทรัลเวิลด์ได้ง่ายๆ และหนึ่งในไฮไลต์สำคัญที่แฟน K-POP ไม่ควรพลาด คือการมาเยือนของทีม Scout กว่า 10 ค่ายดังที่บินตรงมาจากเกาหลีใต้ เพื่อมาร่วมสอดส่องหาดาวรุ่งคนใหม่ของวงการ K-POP ซึ่งอาจเป็นจุดเริ่มต้นของความฝันบนเวทีเกาหลีระดับโลก ในโซนอาหาร Viu (วิว) ได้คัดสรรสตรีทฟู้ดร้านเด็ดมากว่า 30 ร้าน ยกทัพเมนูฮิตจากย่านฮงแด ไม่ว่าจะเป็น     ต็อกบกกี, คอร์นด็อก, ออมุก, ไก่ทอด หรือขนมโฮต็อก และอีกมากมาย ให้ทุกคนได้ลิ้มรสความฟินท่ามกลางบรรยากาศเสมือนเดินอยู่ในตลาดกลางคืนของโซล สำหรับสายบันเทิง เตรียมสนุกกับโชว์จากศิลปิน...
เอ็ม ดิสทริค โดยศูนย์การค้า เอ็มโพเรียม เอ็มควอเทียร์ และเอ็มสเฟียร์ ร่วมกับ Mouawad (โมอาว็าด) แบรนด์เครื่องประดับชั้นสูงระดับโลก จัดงานกาล่าสุดอลังการแห่งปี “EM DISTRICT LA BELLE et LE BEAU 2025 : The Grand Debut of Grace and Glamour” เปิดตัว 8 สาวและ 7 หนุ่ม รุ่นที่ 2 ภายใต้คอนเซ็ปต์ “IVORY DREAM” ความสง่างามอันเจิดจรัสของคนรุ่นใหม่ที่เปี่ยมล้นด้วยความรู้ ความสามารถ และแรงบันดาลใจอันไร้ขีดจำกัด พร้อมเป็นพลังขับเคลื่อนความสร้างสรรค์ให้กับสังคมในยุคดิจิทัล และยังเป็นการตอกย้ำถึงบัตรสมาชิกสำหรับ GEN Z “EM STELLAR” Membership Program พริวิเลจสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ได้อย่างลงตัว ช่วงเวลาแห่งความประทับใจได้เริ่มต้นขึ้นอย่างงดงาม ด้วยโชว์เปิดตัวสุดเซอร์ไพรส์ของ 15 หนุ่มสาวรุ่นใหม่อย่างสง่างาม ภายหลังจากโชว์เปิดตัว เป็นช่วงเวลาแห่งการแนะนำตัวอย่างเป็นทางการของเหล่า LA BELLE และ LE...
ในโอกาสครบรอบ 21 ปีของการดำเนินธุรกิจสายการบิน บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ “นกแอร์” ได้ตอกย้ำจุดยืนความเป็น “สายการบินของคนไทย” ด้วยผลงานที่เติบโตทั้งในแง่การฟื้นตัวหลังวิกฤต ความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจ และการขยายบริการใหม่ที่ตอบรับไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัลของผู้บริโภค พร้อมกางแผนยุทธศาสตร์เดินหน้าสู่การทำกำไรสุทธิอย่างยั่งยืนในอีก 3 ปีข้างหน้า จากสายการบินที่เริ่มต้นจากความมุ่งมั่นในการเชื่อมต่อเมืองไทยให้เข้าถึงกันได้ง่ายขึ้น วันนี้ “นกแอร์” ได้ยืนหยัดอยู่ในตลาดสายการบินที่มีการแข่งขันสูง ขนส่งผู้โดยสารไปแล้ว 70 ล้านคน พร้อมทำกำไรติดต่อกัน 2 ปีซ้อน ในปี พ.ศ. 2566 และ พ.ศ. 2567 หลังจากขาดทุนต่อเนื่องยาวนานกว่า 9 ปี โดยวาระครบรอบ 21 ปีครั้งนี้ “นกแอร์” ได้เปิดตัว 2 บริการใหม่ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีขึ้นให้กับทุกการเดินทาง ได้แก่ Nok Air Inflight Entertainment (IFE) บริการด้านความบันเทิงบนเครื่องบินที่ผู้โดยสารสามารถเพลิดเพลินไปกับเนื้อหาสาระและความบันเทิงระหว่างการเดินทางได้ผ่านอุปกรณ์สื่อสารส่วนตัวของตนเอง จากการจับมือกับพาร์ทเนอร์แพลตฟอร์มดูซีรีส์ยอดนิยมอย่าง Viu (วิว) และผู้ให้บริการคอนเทนต์อื่นๆ รวมถึงเนื้อหาจากสายการบินนกแอร์เอง นอกจากนี้ยังเปิดตัวบริการ Nok Deal แพลตฟอร์มสิทธิพิเศษใหม่สำหรับสมาชิก Nok Fan Club ที่กลับมาอีกครั้งอย่างยิ่งใหญ่ ในวันที่ 23 กรกฎาคมนี้ เพื่อสร้าง Brand Loyalty ด้วยสิทธิประโยชน์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นบริการพิเศษ, ส่วนลดบัตรโดยสารจากนกแอร์. สิทธิประโยชน์จากพันธมิตรทั่วประเทศ, บัตรคอนเสิร์ต และอีกมากมาย ที่ผู้โดยสารสามารถแลกผ่าน Nok Deal ได้โดยตรง “นกแอร์” เดินหน้าสร้างการจดจำแบรนด์ด้วยความเป็นมิตร ความใกล้ชิด และการใส่ใจในทุกความต้องการของผู้โดยสาร ด้วยภาพลักษณ์ “เพื่อนร่วมทางของคนไทย” ผ่านกิจกรรม CSR ท้องถิ่น และการกลับมาของ Nok Fan Club อย่างเต็มตัว ในอนาคต “นกแอร์” ยังเตรียมขยายฝูงบินด้วยเครื่องบินแบบ Boeing 737-800 พร้อมพิจารณาจัดหาเครื่องบินรุ่นใหม่เพื่อเสริมศักยภาพฝูงบิน ขณะเดียวกันยังยกระดับช่องทางดิจิทัล ทั้งเว็บไซต์ และแอปพลิเคชัน เพื่อตอบโจทย์ความสะดวกสบายในการจองตั๋ว รวมถึงช่องทางการขายแบบออฟไลน์ที่ตอบรับกลุ่มลูกค้าทั่วประเทศซึ่งยังคงมีสัดส่วนสูง และในอีก 3 ปีข้างหน้า “นกแอร์” ตั้งเป้ากลับสู่การสร้างกำไรสุทธิอย่างยั่งยืน รวมถึงขยายเส้นทางการบินทั้งในประเทศและต่างประเทศ พร้อมพัฒนาคุณภาพการให้บริการให้ได้มาตรฐานระดับโลก โดยมีเป้าหมาย On-Time Performance...
1 2 3 16

My New Stories