Category

Corporate
ครบรอบ 1 ปีเต็ม สำหรับ วัน แบงค็อก รีเทล (One Bangkok Retail) แลนด์มาร์กแห่งไลฟ์สไตล์อันครบครันใจกลางกรุงเทพฯ ที่เป็นแหล่งเช็กอินสุดโปรดของเหล่าคนเมือง ล่าสุดเฉลิมฉลองครั้งใหญ่กับแคมเปญ “TURNS ONE” The First of Many Celebrations จุดเริ่มต้นแห่งช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองตลอดเดือนตุลาคมต่อเนื่องสู่เทศกาลปลายปี เพื่อตอกย้ำแนวคิด “The Rhythmic Shopping Experience at the Heart of Bangkok” ในฐานะพื้นที่ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของคนเมือง ด้วยการเนรมิตทุกมุมให้เต็มไปด้วยสีสันและความสนุก พร้อมอัปเดตร้านค้าเปิดใหม่ที่ทุกคนรอคอย! ไม่ว่าจะเป็น แบรนด์ดังระดับโลกอย่าง BOSS, BOSS Café, The Decorum Park House, On Cloud Flagship Store, alo, Pasticceria Cova, Tesla Experience Center รวมถึงแบรนด์แฟชั่นและไลฟ์สไตล์ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของคนเมือง อาทิ Brooks Brothers, DJI, M.A.C, LEGO, Bardo Brasserie, Standard Product, CHAGEE, The Gastro District & Bar, Well-Healing by MedPark และ แบรนด์สตรีทแฟชั่นขวัญใจคนรุ่นใหม่อย่าง CARNIVAL อีกทั้งยังมีโปรโมชั่นสุดพิเศษมากมายที่รังสรรค์ขึ้นเพื่อร่วมเฉลิมฉลองไปกับเทศกาลงานครบรอบ 1 ปีเต็มครั้งนี้ โดยความพิเศษของร้านค้าเปิดใหม่ครั้งนี้คือการที่แต่ละแบรนด์มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์ที่น่าสนใจ อาทิ Tesla Experience Center แฟล็กชิปสโตร์แห่งใหม่ใจกลางเมือง พื้นที่การเรียนรู้นวัตกรรมแห่งอนาคตและเทคโนโลยีของยานยนต์สุดล้ำ ส่งมอบประสบการณ์เพื่อให้ทุกคนที่สนใจได้ทดลองขับและสัมผัสและความพิเศษของ Tesla อย่างใกล้ชิด รวมถึง BOSS Flagship คอนเซ็ปต์สโตร์ดูเพล็กซ์แห่งใหม่ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมเปิดตัว BOSS Café ครั้งแรกในไทยและภูมิภาค, The Decorum Park House คอนเซ็ปต์สโตร์ที่ผสานแฟชั่น ไลฟ์สไตล์...
ในโอกาสครบรอบ 21 ปีของการดำเนินธุรกิจสายการบิน บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ “นกแอร์” ได้ตอกย้ำจุดยืนความเป็น “สายการบินของคนไทย” ด้วยผลงานที่เติบโตทั้งในแง่การฟื้นตัวหลังวิกฤต ความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจ และการขยายบริการใหม่ที่ตอบรับไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัลของผู้บริโภค พร้อมกางแผนยุทธศาสตร์เดินหน้าสู่การทำกำไรสุทธิอย่างยั่งยืนในอีก 3 ปีข้างหน้า จากสายการบินที่เริ่มต้นจากความมุ่งมั่นในการเชื่อมต่อเมืองไทยให้เข้าถึงกันได้ง่ายขึ้น วันนี้ “นกแอร์” ได้ยืนหยัดอยู่ในตลาดสายการบินที่มีการแข่งขันสูง ขนส่งผู้โดยสารไปแล้ว 70 ล้านคน พร้อมทำกำไรติดต่อกัน 2 ปีซ้อน ในปี พ.ศ. 2566 และ พ.ศ. 2567 หลังจากขาดทุนต่อเนื่องยาวนานกว่า 9 ปี โดยวาระครบรอบ 21 ปีครั้งนี้ “นกแอร์” ได้เปิดตัว 2 บริการใหม่ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีขึ้นให้กับทุกการเดินทาง ได้แก่ Nok Air Inflight Entertainment (IFE) บริการด้านความบันเทิงบนเครื่องบินที่ผู้โดยสารสามารถเพลิดเพลินไปกับเนื้อหาสาระและความบันเทิงระหว่างการเดินทางได้ผ่านอุปกรณ์สื่อสารส่วนตัวของตนเอง จากการจับมือกับพาร์ทเนอร์แพลตฟอร์มดูซีรีส์ยอดนิยมอย่าง Viu (วิว) และผู้ให้บริการคอนเทนต์อื่นๆ รวมถึงเนื้อหาจากสายการบินนกแอร์เอง นอกจากนี้ยังเปิดตัวบริการ Nok Deal แพลตฟอร์มสิทธิพิเศษใหม่สำหรับสมาชิก Nok Fan Club ที่กลับมาอีกครั้งอย่างยิ่งใหญ่ ในวันที่ 23 กรกฎาคมนี้ เพื่อสร้าง Brand Loyalty ด้วยสิทธิประโยชน์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นบริการพิเศษ, ส่วนลดบัตรโดยสารจากนกแอร์. สิทธิประโยชน์จากพันธมิตรทั่วประเทศ, บัตรคอนเสิร์ต และอีกมากมาย ที่ผู้โดยสารสามารถแลกผ่าน Nok Deal ได้โดยตรง “นกแอร์” เดินหน้าสร้างการจดจำแบรนด์ด้วยความเป็นมิตร ความใกล้ชิด และการใส่ใจในทุกความต้องการของผู้โดยสาร ด้วยภาพลักษณ์ “เพื่อนร่วมทางของคนไทย” ผ่านกิจกรรม CSR ท้องถิ่น และการกลับมาของ Nok Fan Club อย่างเต็มตัว ในอนาคต “นกแอร์” ยังเตรียมขยายฝูงบินด้วยเครื่องบินแบบ Boeing 737-800 พร้อมพิจารณาจัดหาเครื่องบินรุ่นใหม่เพื่อเสริมศักยภาพฝูงบิน ขณะเดียวกันยังยกระดับช่องทางดิจิทัล ทั้งเว็บไซต์ และแอปพลิเคชัน เพื่อตอบโจทย์ความสะดวกสบายในการจองตั๋ว รวมถึงช่องทางการขายแบบออฟไลน์ที่ตอบรับกลุ่มลูกค้าทั่วประเทศซึ่งยังคงมีสัดส่วนสูง และในอีก 3 ปีข้างหน้า “นกแอร์” ตั้งเป้ากลับสู่การสร้างกำไรสุทธิอย่างยั่งยืน รวมถึงขยายเส้นทางการบินทั้งในประเทศและต่างประเทศ พร้อมพัฒนาคุณภาพการให้บริการให้ได้มาตรฐานระดับโลก โดยมีเป้าหมาย On-Time Performance...
การเลือกเมนูอาหารในแต่ละมื้อไม่เพียงสะท้อนถึงตัวตนและรสนิยมของเราเท่านั้น แต่คุณอาจไม่เคยรู้ว่าการจับคู่เมนูโปรดที่ดูไม่น่าจะเข้ากัน กลับสามารถสร้างสรรค์ความอร่อยเกินคาดหมาย อีกทั้งยังเป็นการเปิดประสบการณ์การกินที่ทั้งสนุกและเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ล่าสุด วัน แบงค็อก (One Bangkok) ศูนย์กลางไลฟ์สไตล์ระดับโลกใจกลางกรุงเทพฯ ได้เปิดตัวแคมเปญสุดครีเอทีฟ “ONE’s Perfect Pair – The Ultimate Food Pairing Destination” จุดหมายปลายทางแห่งการจับคู่รสชาติที่สมบูรณ์แบบ ให้เหล่านักชิมได้มิกซ์แอนด์แมทช์ความอร่อยได้อย่างไร้ขีดจำกัด พร้อมชวน เจมส์–ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ นักแสดงหนุ่มมากเสน่ห์ผู้ครองใจทั้งสายแฟชั่นและสายฟู้ด มาแชร์ไอเดียการเลือกร้านอาหารและจับคู่เมนูสุดสร้างสรรค์ในแบบที่ทุกคนต้องอยากตามลายแทง! แคมเปญ ONE’s Perfect Pair – The Ultimate Food Pairing Destination ถูกออกแบบขึ้นภายใต้แนวคิด Food Loop ที่รวบรวมร้านอาหารชื่อดังเอาไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น ร้านสตรีทฟู้ด, คาเฟ่ดีไซน์จัดจ้าน, คอมฟอร์ตฟู้ด (Comfort Food) ที่เป็นความสุขทุกครั้งเมื่อได้ลิ้มรส หรือร้านไฟน์ไดนิ่ง (Fine Dining) ระดับพรีเมียม ซึ่งรวบรวมอยู่ที่  วัน แบงค็อก เวทีของเหล่านักชิมตัวจริงที่ต้องการจับคู่รสชาติจากหลากหลายร้านตามสไตล์ของตัวเอง สำหรับใครที่ติดตาม เจมส์–ธีรดนย์ คงทราบกันดีว่าเขาคือผู้ชายที่มีรสนิยมไม่เหมือนใคร ทั้งในเรื่องการแสดง การแต่งตัว และที่สำคัญคือการเลือกกินอาหาร เจมส์ไม่เพียงแค่เป็นนักชิม แต่ยังเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารที่พิถีพิถันในทุกขั้นตอนของการเลือกสรรเมนู เรียกว่าแต่ละคำที่เขาลิ้มลองมีความหมายและความลงตัวเสมอ และครั้งนี้เขาพร้อมพาเราไปค้นพบความสนุกของการจับคู่เมนูที่แปลกใหม่แต่ลงตัว ที่จะทำให้การกินกลายเป็นประสบการณ์ที่ทั้งสนุกและเต็มไปด้วยรสชาติที่คาดไม่ถึง สำหรับใครที่อยากลองจับคู่อาหารตาม เจมส์–ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ ก็สามารถตามรอยได้แล้ววันนี้ที่ วัน แบงค็อก หรือใครที่อยากจับคู่อาหารสนุกๆ ตามแบบฉบับของตนเองก็สามารถค้นหาร้านอาหารชื่อดังจากทั่วทุกมุมโลกกว่า 250 ร้าน ได้ทาง https://bit.ly/431lMc3 ...
บนโลกของคนเมืองที่เต็มไปด้วยจังหวะชีวิตอันเร่งรีบและตัวเลือกมากมายคำถามว่า“วันนี้กินอะไรดี?” กลายเป็นมากกว่าแค่เรื่องของมื้ออาหาร แต่คือสีสันของชีวิตประจำวันที่สร้างความสุขเล็กๆ ให้ทุกมื้ออาหาร ล่าสุด วัน แบงค็อก ศูนย์กลางไลฟ์สไตล์ระดับโลกใจกลางกรุงเทพฯ ขอนำเสนอประสบการณ์ใหม่ให้กับสายกินและคนรักอาหารทุกสไตล์ ผ่านแคมเปญ “ONE’s Perfect Pair – The Ultimate Food Pairing Destination” ที่จะเปลี่ยนทุกมื้อให้ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ได้อย่างน่าจดจำ   สำหรับ ONE’s Perfect Pair – The Ultimate Food Pairing Destination ถูกออกแบบขึ้นภายใต้แนวคิด Food Loop ที่รวบรวมร้านอาหารชื่อดังเอาไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น ร้านสตรีทฟู้ด, คาเฟ่ดีไซน์จัดจ้าน, คอมฟอร์ตฟู้ด (Comfort Food) ที่เป็นความสุขทุกครั้งเมื่อได้ลิ้มรส หรือร้านไฟน์ไดนิ่ง (Fine Dining) ระดับพรีเมียม ซึ่งรวบรวมอยู่ที่  วัน แบงค็อก เวทีของเหล่านักชิมตัวจริงที่ต้องการจับคู่รสชาติจากหลากหลายร้านตามสไตล์ของตัวเอง   โดย วัน แบงค็อก ได้คัดสรรร้านอร่อยมาอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้เหล่านักชิมได้ลิ้มรสและจับคู่กัน อาทิ ZAOZEN (ซาวเส้น) ความอร่อยสไตล์อีสานที่มาในคอนเซ็ปต์ Isan Artisan Noodle Bar วัฒนธรรมการกินเมนูเส้นแซ่บๆ ที่ทำสดใหม่, BIANCA (บิอันก้า) ร้านอาหารอิตาเลียนแสนอบอุ่นที่เสิร์ฟเมนูคลาสสิกสไตล์โฮมเมดด้วยวัตถุดิบนำเข้าคุณภาพ สดใหม่ทุกจาน, THE COFFEE HOUSE BY DOITUNG (เดอะ คอฟฟี่ เฮ้าส์ บาย...
  บริษัท เอทีที แอสเสท จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีความเชี่ยวชาญในวงการอสังหาริมทรัพย์ลักซ์ชัวรี่มาอย่างยาวนาน ประกาศความพร้อมท้าชนตลาดบ้านหรู เปิดตัวโครงการบ้านเดี่ยว 3 ชั้น อาเว่ บางนา-สุขุมวิท (AVE Bangna-Sukhumvit) บนทำเลศักยภาพย่านบางนา-เทพารักษ์ มูลค่าโครงการรวมกว่า 500 ล้านบาท บนพื้นที่กว่า 5 ไร่ ด้วยความเป็นส่วนตัวเพียง 20 ยูนิต ในราคาเริ่มต้น 19-25 ล้านบาท ปัจจุบันปิดการขายไปแล้วกว่า 15% และคาดว่าจะปิดการขายทั้งหมดได้ภายในไตรมาสแรกของปี 2569 อาเว่ บางนา-สุขุมวิท (AVE Bangna-Sukhumvit) โครงการบ้านเดี่ยว 3 ชั้นสไตล์ Boutique Modern Luxury กับการออกแบบอย่างพิถีพิถัน ตอบรับเมกะเทรนด์ครอบครัวยุคใหม่ ภายใต้แนวคิด Multi-Lifestyle ไลฟ์สไตล์ที่เชื่อมต่อทุกเจเนอเรชัน ด้วยการจัดสรรพื้นที่อยู่อาศัยของคนต่างเจเนอเรชันให้มาอยู่ในพื้นที่เดียวกันอย่างลงตัว พร้อมสะท้อนถึงคุณภาพชีวิตที่เหนือระดับ อาเว่ บางนา-สุขุมวิท (AVE Bangna-Sukhumvit) ตั้งอยู่ในพื้นที่ขนาดกว่า 5 ไร่ พร้อมนำเสนอประสบการณ์การอยู่อาศัยในรูปแบบ  Multi-Lifestyle ซึ่งรองรับการใช้ชีวิตของครอบครัวทุกวัย โดยมีจำนวนเพียง 20 ยูนิต เพื่อความเป็นส่วนตัวสูงสุด ตัวบ้านมีพื้นที่ใช้สอย 440-460 ตารางเมตร ประกอบด้วย 5 ห้องนอน ที่มี Master Bedroom ขนาดใหญ่ถึง 2 ห้อง 7 ห้องน้ำ ห้องรับแขกแบบ Double Volume พร้อมสระว่ายน้ำและลิฟต์ส่วนตัว รวมถึงพื้นที่จอดรถได้สูงสุด 8 คัน อีกทั้งยังชูจุดขายด้าน Customization ให้ลูกบ้านสามารถปรับแต่งฟังก์ชันที่ยืดหยุ่นตามความต้องการของผู้อยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบสระว่ายน้ำ การติดตั้งลิฟต์ การเลือกวัสดุตกแต่ง เปลี่ยนสีผนัง เปลี่ยนพื้นบริเวณชั้น 2 และชั้น 3 ที่สามารถปรับฟังก์ชั่นการอยู่อาศัยได้ตามไลฟ์สไตล์ของลูกบ้านอย่างแท้จริง เพื่อให้บ้านมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ตอบโจทย์ทั้งด้านฟังก์ชันและสุนทรียภาพในสไตล์ Boutique Modern Luxury ที่สะท้อนถึงความหรูหราและความใส่ใจในรายละเอียดได้เป็นอย่างดี ด้วยการใช้วัสดุคุณภาพสูงที่มีความแข็งแรงทนทาน ในดีไซน์โมเดิร์นลักซ์ชัวรี่ อาทิ การใช้วัสดุผิวไม้แท้ เพื่อให้ลูกบ้านได้สัมผัสความสวยงามตามธรรมชาติของวัสดุ, ฟาซาด (Facade) เปลือกอาคาร ที่ทำจากกระเบื้องลายหินลายหินอ่อนทราเวอร์ทีน...
ยิ่งใหญ่สมการรอคอย! สำหรับงานเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีนของ วัน แบงค็อก ศูนย์กลางไลฟ์สไตล์ระดับโลกใจกลางกรุงเทพฯ ในงาน “ONE DYNASTY” Chinese New Year Celebration 2025 กับความอลังการที่ถูกรังสรรค์ขึ้นมาอย่างวิจิตรบรรจง ที่ผสมผสานวัฒนธรรมจีนอันทรงคุณค่าเข้ากับความร่วมสมัยได้อย่างงดงามลงตัว ท่ามกลางดินแดนแห่งความมั่งคั่ง โชคดี และแผ่กระจายความสุขไปทั่วทุกอณูของพื้นที่ วัน แบงค็อก แห่งนี้ ภายในงานยังได้รับเกียรติจากเหล่าเซเลบริตี้ชื่อดังที่ตบเท้าเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง อาทิ อภินรา-พลอยพยัพ ศรีกาญจนา, พลอยวารินทร์ ทรงปกรณ์, เอมษิกา โชติวิจิตร, หฤทัย ไชยันต์ ณ อยุธยา, จรสพรรณ สวัสดิวัตน์ ณ อยุธยา, หม่อมหลวงอรรถดิศ ดิศกุล, ชนินทร์ เตรัตนชัย, วาริธร กันท์ไพบูลย์, อัชฌา เจริญรัศมีเกียรติ และอีกมากมาย โดยไฮไลท์ของงานครั้งนี้คือการแสดงสุดอลังการ เดอะ เซเลเบรชัน ออฟ วัน ไดนาสตี้ (The Celebration of One Dynasty) ปรากฏการณ์สุดพิเศษกับ Performance Show สุดอลังการ จากนักแสดงและศิลปินชื่อดังระดับแนวหน้าของเมืองไทย อย่าง ต้าห์อู๋-พิทยา แซ่ฉั่ว, ออฟโรด-กันตภณ จินดาทวีผล, สกาย-วงศ์รวี นทีธร, เจเจ-กฤษณภูมิ พิบูลสงคราม และ ใบเฟิร์น-พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์ ที่พาทุกท่านเดินทางสู่โลกแห่งแฟนตาซีอันแสนอัศจรรย์ ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากตำนาน ‘สี่สัตว์เทวะ’ หรือ ‘ซื่อเซี่ยง’ กับเรื่องราวของ ‘เจ้าหญิงลูน่า’ เทพราชินีแห่งพระจันทร์ (Princess Lunar) (แสดงโดย ใบเฟิร์น-พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์) และ 4 อัศวินผู้พิทักษ์ ที่มาร่วมกันอัญเชิญลูกแก้ววิเศษจากสัตว์เทพประจำทิศทั้งสี่...
  เริ่มต้นการเดินทางใหม่ที่สร้างปรากฎการณ์ครั้งใหญ่ให้กับวงการแฟชั่นไทยอีกครั้ง เมื่อ ฌอน–ชวนล ไคสิริ ผู้ก่อตั้งและครีเอทีฟไดเรกเตอร์ประจำแบรนด์เสื้อผ้าสตรีหรู “โพเอม” (POEM) ร่วมกับ แชมป์-วิทวัส ชินบารมี กรรมการผู้จัดการ บริษัท นิช คาร์ กรุ๊ป จำกัด ผู้แทนจำหน่ายรถซูเปอร์คาร์และไฮเปอร์คาร์สัญชาติอังกฤษ “แมคลาเรน” (McLaren) จัดแฟชั่นโชว์อวดโฉมแคปซูลคอลเลกชั่น “POEM x McLaren” ที่ได้แรงบันดาลใจจากรถซูเปอร์คาร์เปิดประทุนรุ่นแรกจากแมคลาเรนที่ชื่อว่า “แมคลาเรน อาร์ทูร่า สไปเดอร์” (McLaren Artura Spider) ถ่ายทอดสู่เสื้อผ้าดีไซน์โก้ที่สะท้อนถึงกลิ่นอายอันโฉบเฉี่ยวและทันสมัย ที่เกษรอัมรินทร์ โซน Forum ชั้น G   โดยคอนเซ็ปต์การออกแบบซิลลูเอทของคอลเลกชั่นนี้จะเน้นเส้นสายที่มีความเฉียบคมและเพรียวลมซึ่งสะท้อนถึงลักษณะของรถแข่งที่กำลังเคลื่อนที่อย่างคล่องตัว โดยมีชิ้นเด่นเป็นชุดเดรสเกาะอกผ้าเมทัลลิกสีเงินเข้ารูปที่สามารถขับเน้นสรีระของหญิงสาวได้อย่างน่าหลงใหล รวมถึงคอร์เซ็ตซิกเนเจอร์ประจำแบรนด์ที่ถูกออกแบบให้มีเส้นสายนำสายตาโฉบเฉี่ยวดั่งรถสปอร์ต อีกทั้งยังมีเสื้อแจ็คเก็ตสีน้ำเงินเข้มเปิดไหล่แบบกระดุมสองแถวที่สะท้อนถึงความงดงามและความสง่างามของรถแมคลาเรน และบอดี้สูทที่จับคู่มากับเลกกิ้งด้วยเทคนิคการเล่นสีแบบออมเบร (Ombre) ที่มีเฉดสีเด่นเป็นสีส้มซึ่งเป็นสีประจำแบรนด์ของแมคลาเรน   พบกับแคปซูลคอลเลกชั่น “POEM x McLaren” ได้แล้ววันนี้ที่ร้าน “โพเอม” (POEM) ชั้น 2...
สะเทือนวงการน้ำดื่ม “สปริงเคิล” (Sprinkle) ผงาดโชว์ไอเดียใหม่ ทุ่ม 40 ล้าน! เปิดตัวขวดน้ำ 3 ดีไซน์สุดสร้างสรรค์ แรงบันดาลใจจากภาวะโลกร้อน ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘REDESIGN TO REDUCE’ ลดทอนสิ่งที่ทำลายโลก ให้เหลือเพียงสิ่งที่จำเป็น เพื่อธรรมชาติกลับคืนสู่จุดเดิมอีกครั้ง พร้อมประกาศตั้งเป้าปิดปี 66 ยอดขายเติบโต 25% สมรภูมิน้ำดื่มยังคงเป็นตลาด Red Ocean ที่มีการแข่งขันกันอย่างดุเดือด แต่สำหรับ “สปริงเคิล” (Sprinkle) มักเป็นแบรนด์ที่สร้างสรรค์ความแปลกใหม่ให้กับวงการน้ำดื่มอยู่เสมอด้วยจุดแข็งด้านดีไซน์ จากการสร้างแบรนด์ด้วยกลยุทธ์ ‘Underdog’ หรือการตลาดมวยรอง ที่ไม่เน้นทำสินค้าหรือวาง Positioning แข่งกับเจ้าตลาดโดยตรง แต่เน้นนำเสนอความแตกต่างและเพิ่มทางเลือกใหม่เพื่อดึงดูดผู้บริโภคให้เลือกแบรนด์ และจากที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่า “สปริงเคิล” (Sprinkle) ประสบความสำเร็จในการจำหน่ายขวดน้ำแบบใสรวมถึงคอลเลกชั่นลิมิเต็ดมาโดยตลอด โดยล่าสุด “สปริงเคิล” (Sprinkle) ได้ประกาศเปลี่ยนโฉมขวดดีไซน์ใหม่ที่ได้แรงบันดาลใจจากภาวะโลกร้อน ภายใต้แนวคิดที่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งเพื่อสร้างความตระหนักรู้ให้กับผู้บริโภค โดยขวดน้ำดีไซน์ใหม่นี้ยังมาในคอนเซ็ปต์ ‘REDESIGN TO REDUCE’ ซึ่งเป็นดีไซน์ที่ลดทอนสิ่งที่ไม่จำเป็นออก ให้เหลือเพียงสิ่งที่จำเป็นเท่านั้น ไม่มีฉลากซึ่งเป็นขยะส่วนเกิน ไม่มีสีเจือปนซึ่งสร้างภาระให้กับการรีไซเคิล และยังง่ายต่อการแยกขยะเพื่อเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล เพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับโลก กฤตวิทย์ เลาหธนาพร กรรมการบริหาร บริษัท เอ็ม วอเตอร์ จำกัด ผู้ผลิตน้ำดื่มแบรนด์สปริงเคิล กล่าวว่า “ขวดน้ำ 3 ดีไซน์นี้ได้แรงบันดาลใจมาจากปัญหาภาวะโลกร้อนที่รุนแรงและใกล้ตัวเรามากขึ้นทุกวัน ผ่านการนำเรื่องราวการละลายของธารน้ำแข็งขั้วโลกมาเป็นตัวแทนในการสะท้อนปัญหาโลกร้อนให้คนได้ตระหนักรู้มากขึ้น โดยขวดแรกจะเป็นขวดที่มีลวดลายของธารน้ำแข็งที่ยังสมบูรณ์อยู่ ขวดต่อมาจะเป็นดีไซน์ของธารน้ำแข็งที่เริ่มละลาย และขวดสุดท้ายจะเป็นธารน้ำแข็งที่ละลายหมดแล้วเหลือเพียงน้ำแข็งบริเวณตรงกลางที่เป็นโลโก้แบรนด์ ซึ่งในขั้นตอนการออกแบบเราคำนึงถึงทุกๆ มิติรอบด้าน เพื่อให้ตอบโจทย์ในสิ่งที่แบรนด์ตั้งใจจะสื่อสารได้มากที่สุด...
โพสต์เดียวสะเทือนทั้งประเทศ! หลังดีเวลล็อปเปอร์รายใหญ่อย่าง “สัมมากร” ที่มีจุดแข็งด้านความเข้าใจในอินไซต์ของผู้อยู่อาศัยเป็นอย่างดี จากการพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยว, ทาวน์โฮม และบ้านพักตากอากาศ แต่กลับมี Pain Point เกี่ยวกับเรื่องการรับรู้แบรนด์ งานนี้ “สัมมากร” จึงขอระบายความในใจผ่านการสร้างสรรค์ภาพยนตร์สั้น “สัมมากรขายบ้าน” (สามารถรับชมได้ทาง  https://bit.ly/3PKq2pJ) เพื่อสื่อสารจุดยืนขององค์กรไปยังกลุ่มผู้บริโภค จากอินไซต์ที่เจ็บปวดของแบรนด์ โดยภาพยนตร์ดังกล่าวเป็นการนำเสนอเรื่องราวของพนักงานที่ทำงานมา 7 ปี และอยากขอระบายความในใจ สาเหตุจากลูกค้าที่ติดต่อเข้ามาไม่ว่าจะเป็นทางโทรศัพท์หรือ Walk-in มักจะสอบถามเรื่องการยื่นภาษี เพราะเข้าใจผิดว่า ‘สัมมากร’ คือ ‘สรรพากร’ จึงเป็นที่มาของภาพยนตร์แนวตลกร้ายสุดสร้างสรรค์ที่ขายของแบบตะโกนแต่กลับสร้างกระแสไวรัลในโลกโซเชียลได้อย่างล้นหลาม! ไม่ว่าจะเป็นทาง YouTube, Facebook และ TikTok ที่สามารถสร้างเอ็นเกจเมนท์แบบออร์แกนิค รวมถึงการแสดงความคิดเห็นจากแบรนด์ดังและบุคคลที่มีชื่อเสียงมาร่วมเล่นสนุกกันมากมาย อาจกล่าวได้ว่า “สัมมากร” มีความเข้าใจในธรรมชาติของผู้บริโภคที่ชอบความเป็นกันเอง ทำให้ผู้ที่รับชมคอนเทนต์รู้สึกใกล้ชิดเหมือนเพื่อนที่มีการนั่งพูดคุยกันมากกว่าที่จะสื่อสารในรูปแบบระหว่างแบรนด์กับลูกค้า และในขณะเดียวกัน “สัมมากร” ก็สามารถสร้างสรรค์คอนเทนต์ได้อย่างน่าสนใจ เพราะเป็นอินไซต์ที่ตรงกับประสบการณ์ของหลายๆ คน ที่ผู้บริโภคมักเกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับแบรนด์ นับเป็นการปฎิวัติของวงการโฆษณาเลยก็ว่าได้ เพราะนอกจากจะสื่อสารเพื่อแก้ปัญหาของแบรนด์แล้ว ยังสามารถทำให้คนจดจำแบรนด์ได้อีกด้วย ณพน เจนธรรมนุกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท สัมมากร จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงแนวคิดการสร้างสรรค์ภาพยนตร์สั้นนี้ว่า “ที่ผ่านมาคนมักเข้าในผิดว่าสัมมากรคือสรรพากรจริงๆ เรารับรู้ถึง Pain Point นี้จากพนักงานมาตลอด มันแสดงให้เห็นว่าแม้เราจะเป็นองค์กรใหญ่แค่ไหน แต่ทุกๆ องค์กรก็มักจะมี Pain Point เหมือนกัน เหมือนกับคนทั่วๆ...
  ปัจจุบันภาพรวมตลาดแว่นตามีมูลค่าอยู่ที่ 7,000 ล้านบาท ซึ่งสัดส่วนกว่า 90% เป็นกลุ่มตลาดแมส (Mass) และอีก 10% เป็นกลุ่มตลาดพรีเมียมที่มีราคาตั้งแต่ 20,000 บาทขึ้นไป และจำหน่ายได้ไม่ต่ำกว่า 50,000-80,000 ชิ้นต่อปี โดย “เคที ออพติค” (KT OPTIC) อาณาจักรแว่นตาชั้นนำของประเทศไทย เป็นร้านแว่นตาที่ครองตลาดแว่นตาและเลนส์ตั้งแต่เซ็กเมนท์ระดับกลางถึงพรีเมียม ที่มีจำนวนสาขาและส่วนแบ่งการตลาดมากที่สุดในประเทศไทย ภายใต้จุดแข็ง ‘Beyond Professional Eyecare Center’ จากความเป็นผู้เชี่ยวชาญในการเป็นศูนย์สุขภาพทางด้านสายตา พร้อมทั้งมีบริการ Personal styling แว่นตาให้เหมาะกับบุคลิกของลูกค้า อีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญของ “เคที ออพติค” (KT OPTIC) คือการให้ความสำคัญกับการคัดเลือกแบรนด์ระดับลักซ์ชัวรีเข้ามาจำหน่าย ส่งผลใหม่ “เคที ออพติค” (KT OPTIC) มักจะได้รับเลือกให้เป็นจุดจำหน่ายสินค้าลิมิเต็ด อิดิชั่น จากแบรนด์ชั้นนำระดับโลกอยู่เสมอ นอกจากนี้ “เคที ออพติค” (KT OPTIC) ยังเปิดเผยว่าจากผลสำรวจตลาดแว่นตาพบว่าดีมานด์การใช้งานเลนส์และแว่นตามีจำนวนเพิ่มมากขึ้น จากกลุ่มวัยทำงานที่ต้องใช้หน้าจอเป็นประจำ รวมถึงกลุ่มเด็กเอเชียรุ่นใหม่ที่นิยมใช้โทรศัพท์และใช้คอมพิวเตอร์กันเพิ่มขึ้น โดยกรมอนามัยโลกยังประเมินอีกว่าเด็กไทยในช่วงอายุ 8-13 ปี กำลังประสบปัญหาสายตาสั้น  ซึ่งบ่งบอกถึงทิศทางหลังจากนี้ ที่คาดว่าตลาดแว่นสายตาในไทยจะเติบโตต่อเนื่องปีละ 3-5% และในอีก 3 ปีข้างหน้า ประชากรโลกจะมีปัญหาเรื่องสายตาเพิ่มอีก 50% โดยในปี 2567 “เคที ออพติค” (KT OPTIC) จ่อทุ่มงบการตลาด 20 ล้าน พร้อมตั้งเป้าโต 1,000 ล้านบาท และมีแผนจะขยายสาขาเพิ่มอีก 5 สาขา ชัชวาลย์ วณิชไพสิฐ กรรมการผู้บริหาร บริษัท กรุงไทยออพติค จำกัด (KT OPTIC) ได้เผยถึงทิศทางการพัฒนาแบรนด์ในปี 2567 ว่า “เคที ออพติค เป็นร้านแว่นตาและเลนส์ที่มีแบรนด์ค่อนข้างหลากหลายและครอบคลุมในทุกเซ็กเมนท์ โดยในปี 2567 เราจะพุ่งเป้าการพัฒนาแบรนด์ไปที่ตลาดผู้ซื้อแว่นตาพรีเมียมมากขึ้น...
1 2

About Us


We are a company which offers a full service of communication, established by a young blood team with considerably high experience.

More About Us

Like Us On Facebook

Facebook Pagelike Widget

Popular Post

“มิโด” (MIDO) อวดโฉมเรือนเวลาคอลเลกชั่นใหม่ล่าสุด “Multifort TV Big Date Titanium” ที่โดดเด่นด้วยโทนสีเทาเงินสไตล์โมโนโครมและน้ำหนักเบา ในดีไซน์โมเดิร์นวินเทจ ที่ผสานความคลาสสิกเข้ากับความร่วมสมัยได้อย่างมีรสนิยม
October 2, 2025
โฟร์ บาย โฟร์ แมน
September 11, 2018
Bric’s
November 6, 2018
Milin ฉลองยิ่งใหญ่ครบรอบ 5 ปี แห่งความสำเร็จ
November 7, 2018
Sava Dining Speak less, eat more
February 10, 2019
The Raw Bar at Central Festival Eastville
February 10, 2019

My New Stories