Category

Watch & Jewelry
ท่ามกลางช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปี ของศิลปะอาร์ตเดโค (Art Deco) ทิสโซต์ (Tissot) ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมเรือนเวลาคุณภาพสูง ด้วยการเปิดตัวนาฬิกา เอสอาร์วี (SRV) เรือนเวลารุ่นใหม่ล่าสุด ที่ผสมผสานเสน่ห์เหนือกาลเวลาของสไตล์เรขาคณิตจากช่วงทศวรรษ 1920 เข้ากับแรงบันดาลใจจากดีไซน์วินเทจจากรุ่นปี 1975 ไว้ด้วยกันอย่างวิจิตรบรรจง และเป็นเครื่องย้ำเตือนถึงช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงในประวัติศาสตร์เมื่อผู้หญิงเริ่มมีบทบาทในการขับเคลื่อนทางสังคมและเป็นอิสระอย่างแท้จริง               ทิสโซต์ (Tissot) แบรนด์ผู้ผลิตนาฬิกาคุณภาพมาตรฐานตามแบบฉบับ Swiss made ที่ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ.1853 โดยมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 170 ปี ด้วยความมุ่งมั่นและความเชี่ยวชาญในการสร้างสรรค์นาฬิกาประสิทธิภาพสูงในดีไซน์ที่มีความทันสมัยอย่างมีเอกลักษณ์ อีกทั้งยังเป็นแบรนด์ที่ได้การยอมรับในแวดวงกีฬา ในฐานะผู้ผลิตนาฬิกาที่มีเทคโนโลยีระบบจับเวลาด้านความเที่ยงตรงแม่นยำสูงสุด               โดยเรือนเวลา ทิสโซต์ เอสอาร์วี ได้ถ่ายทอดถึงความเปล่งประกายและเสน่ห์อันโดดเด่นของผู้หญิงยุคใหม่ ที่มีทั้งความทันสมัย เป็นอิสระ ชอบเข้าสังคม มีความเป็นมืออาชีพและกล้าที่จะแตกต่าง ผ่านการดีไซน์นาฬิการูปทรงสี่เหลี่ยมที่เจียระไนอย่างประณีตราวกับอัญมณีพร้อมตกแต่งด้วยกระจกมุมที่สะท้อนถึงรูปทรงเรขาคณิตอันเป็นเอกลักษณ์ ให้ความรู้สึกความหรูหราแบบวินเทจและแฝงไว้ด้วยความเรียบเท่ที่ทันสมัย สื่อถึงความเปล่งประกายของผู้หญิงในทุกแง่มุม ซึ่งนับเป็นการยกย่องช่วงเวลาสำคัญในประวัติศาสตร์เมื่อผู้หญิงเริ่มก้าวสู่ตำแหน่งสำคัญอย่างเต็มภาคภูมิ และในแต่ละดีไซน์ของคอลเลกชันยังบ่งบอกถึงเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทำให้ เอสอาร์วี (SRV) เป็นมากกว่านาฬิกา แต่เป็นสัญลักษณ์ที่ทำให้ผู้สวมใส่กล้าที่จะโดดเด่นและเป็นตัวของตัวเอง โดยก่อนหน้านี้ ทิสโซต์ (Tissot) ได้เปิดตัวแคมเปญที่นำเสนอเรื่องราวของนาฬิกาผ่านความมีสไตล์ของ อากาธ เทซซิเอร์ (Agathe Teyssier) นางแบบสาวผู้เปี่ยมด้วยบุคลิกอันน่าหลงใหล เป็นตัวแทนของความมั่นใจ ความยืดหยุ่น และใช้ชีวิตในแบบของตนเองอย่างสง่างามไร้ข้อจำกัด เอสอาร์วี (SRV) เป็นเรือนเวลาดีไซน์วินเทจเรียบหรู ที่มาพร้อมกลไกควอตซ์ EOL (End of Life) ด้วยคุณสมบัติให้ความแม่นยำสูง และมีตัวบ่งชี้สถานะพลังงานที่ช่วยให้ผู้สวมใส่เตรียมพร้อมสำหรับทุกสถานการณ์ โดย SRV นั้นมาจากคำว่า Sapphire, Rectangle และ V ที่สื่อถึงการกันน้ำได้ลึกถึง 50 เมตร (5 บาร์) ซึ่งเรือนเวลา เอสอาร์วี (SRV) ได้ผสมผสานความแม่นยำและความทนทานเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว พร้อมกับเสน่ห์ดึงดูดใจแบบวินเทจที่คงอยู่เหนือกาลเวลา สำหรับ เอสอาร์วี...
สะท้อนจิตวิญญาณของความสง่างามเหนือกาลเวลาและนวัตกรรมอันล้ำสมัย ผ่านการออกแบบที่ผสานระหว่างมรดกทางหัตถศิลป์กับสถาปัตยกรรมร่วมสมัยได้อย่างลงตัว เมื่อ เบรเกต์ (Breguet) แบรนด์นาฬิกาชั้นสูงจากสวิสที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 250 ปี เปิดตัวบูติคโฉมใหม่ ณ ห้างสรรพสินค้า ION Orchard ประเทศสิงคโปร์ ที่นับเป็นบูติคภายใต้คอนเซ็ปต์ใหม่แห่งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การออกแบบบูติคแห่งนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมร่วมสมัยที่ปรากฏในสาขาสำคัญของแบรนด์ อาทิ สาขาแฟลกชิปสโตร์ที่ถนน Bahnhofstrasse ใน Zurich ด้วยการออกแบบภายในจากการใช้วัสดุอันหรูหราอย่างไม้วอลนัทดำ (American walnut) หินอ่อนโทนอบอุ่น และเส้นโค้งอันอ่อนช้อย ที่มีพรมภายในร้านประดับลวดลายกิลโยเช่ (guilloché) อย่างประณีต ขอบเฟอร์นิเจอร์สะท้อนแรงบันดาลใจจากดีไซน์ตัวเรือนอันเป็นเอกลักษณ์ของเมซง พร้อมเติมเต็มบรรยากาศด้วยโทนสีฟ้า Breguet Blue ถ่ายทอดเอกลักษณ์เชิงหัตถศิลป์อันเป็นตำนาน ที่ทรงพลังและเปี่ยมความสง่างาม เพื่อมอบประสบการณ์ที่เหนือระดับแก่ผู้มาเยือน บูติคถูกออกแบบให้มีโซนส่วนตัวที่สงบและอบอุ่นสำหรับการสัมผัสเรือนเวลาชั้นเลิศอย่างใกล้ชิด พร้อมจัดแสดงคอลเลกชั่นไอคอนิก อาทิ Classique, Tradition, Marine และ Reine de Naples รวมถึงมุมให้คำปรึกษาแบบเอ็กซ์คลูซีฟที่สะท้อนปรัชญาการดูแลลูกค้าของแบรนด์อย่างแท้จริง การเปิดบูติคโฉมใหม่ครั้งนี้ไม่เพียงตอกย้ำจุดยืนของ เบรเกต์ (Breguet) ในฐานะแบรนด์นาฬิกาที่เปี่ยมด้วยมรดกทางประวัติศาสตร์ หากยังเป็นเครื่องยืนยันถึงความมุ่งมั่นที่จะสานต่อจิตวิญญาณแห่งการสร้างสรรค์และนวัตกรรม เพื่อตอบสนองต่อผู้หลงใหลในศิลปะแห่งเรือนเวลาทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในโอกาสที่แบรนด์เฉลิมฉลองครบรอบ 250 ปีแห่งนวัตกรรม การคิดค้น และความสง่างาม เบรเกต์ (Breguet) ยังคงสืบสานวิสัยทัศน์ของผู้ก่อตั้ง พร้อมมุ่งสู่อนาคตอย่างมั่นคงต่อไป
ยิ่งใหญ่สมการรอคอย! เมื่อ มิโด (MIDO) แบรนด์นาฬิกาหรูจากสวิตเซอร์แลนด์ ถ่ายทอดไอเดียสดใหม่ จัดงาน Prime-Time Event 2025 ครั้งสำคัญของเอเชีย พร้อมเผยโฉม มัลติฟอร์ท ทีวี โครโนกราฟ (Multifort TV Chronograph) เรือนเวลาที่มาพร้อมรูปทรงทีวีอันเป็นเอกลักษณ์ใน 3 ดีไซน์อันโดดเด่น ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากดีไซน์ยอดนิยมในยุค 1970 ที่กลับมาอีกครั้งในปี 2023 และยังคงสร้างความประทับใจให้แก่เหล่าคนรักนาฬิกาทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้ มิโด (MIDO) ได้นำเสนอความล้ำหน้าอีกขั้นด้วยการบรรจุฟังก์ชันโครโนกราฟ (Chronograph) ลงในคอลเลกชั่นมัลติฟอร์ท ทีวี เป็นครั้งแรก ตอกย้ำความเชี่ยวชาญและศักยภาพในการสร้างสรรค์นาฬิกาได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยในงานสุดพิเศษครั้งนี้ มร.ฟรานซ์ ลินเดอร์ (Mr. Franz Linder) ประธานบริหารแบรนด์ มิโด (MIDO) ได้เนรมิตบรรยากาศงานอันน่าประทับใจ ณ โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อต้อนรับแขกสุดพิเศษกว่า 150 ท่านจากทั่วภูมิภาคเอเชีย รวมถึงได้รับเกียรติจากเหล่าเซเลบริตี้แฟนคลับแบรนด์ตบเท้าเข้าร่วมงานกันอย่างคับคั่ง อาทิ ชนินทร์ เตรัตนชัย, หฤทัย ไชยันต์ ณ อยุธยา, เฉลิมพล อัครภิญโญกุล, ปรีดากร เมธเกรียงชัย, ยวิษฐา กรินชัย, วิชาดา พูลผล และอีกมากมาย อีกทั้งยังมีนักแสดงแถวหน้าของเมืองไทยอย่าง เก้า-นพเก้า เดชาพัฒนคุณ, มีน-พีรวิชญ์ อรรถชิตสถาพร และ บี้-ธรรศภาคย์ ชี มาร่วมสัมผัสประสบการณ์สุดประทับใจในค่ำคืนแห่งความเหนือระดับนี้ มิโด (MIDO) แบรนด์นาฬิกาที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 100 ปี นับตั้งแต่ จอร์จ แชแรน (GEORGES SCHAEREN) เริ่มก่อตั้งบริษัท MIDO G.SCHAEREN &...
เหล่านักสะสมนาฬิกาเตรียมตัวให้พร้อม เมื่อ มิโด (MIDO) เผยโฉมนาฬิการุ่นใหม่ล่าสุดจากคอลเลกชั่นระดับตำนานอย่าง โอเชียน สตาร์ (Ocean Star) กับรุ่น โอเชียน สตาร์ เวิลด์ไทม์เมอร์ (Ocean Star Worldtimer) ที่มาในสไตล์เรโทรสุดเท่ โดดเด่นด้วยดีไซน์หน้าปัดลายตารางหมากรุกสีดำสลับแดง และนาฬิกาเรือนนี้ยังคงเอกลักษณ์ของ โอเชียน สตาร์ (Ocean Star) อย่างครบถ้วน ด้วยประสิทธิภาพการกันน้ำลึก พร้อมฟังก์ชันแสดงเวลาโลก ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับทุกการเดินทางรอบโลกอย่างแท้จริง เป็นอีกหนึ่งเรือนเวลาที่เปี่ยมด้วยเสน่ห์แห่งการผจญภัย และควรค่าแก่การครอบครองสำหรับนักสะสม มิโด (MIDO) แบรนด์นาฬิกาที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 100 ปี นับตั้งแต่ จอร์จ แชแรน (GEORGES SCHAEREN) เริ่มก่อตั้งบริษัท MIDO G.SCHAEREN & CO. AG ขึ้นที่เมืองโซโลธูร์น ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ตั้งแต่ ค.ศ. 1918 ภายใต้ปรัชญาของการสร้างสรรค์แบรนด์ให้อยู่เหนือกาลเวลาด้วยแนวคิดการออกแบบที่ร่วมสมัย ผ่านการคัดเลือกวัสดุคุณภาพเยี่ยมที่มีความหรูหรา ทนทาน และยังคงไว้ซึ่งฟังก์ชันการใช้งานที่ครบถ้วน คอลเลกชั่น โอเชียน สตาร์ (Ocean Star) สะท้อนถึงความเชี่ยวชาญด้านนาฬิกากันน้ำของ มิโด (MIDO) ที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน และยิ่งตอกย้ำความสำเร็จผ่านดีไซน์ใหม่ล่าสุดอย่าง โอเชียน สตาร์ เวิลด์ไทม์เมอร์ (Ocean Star Worldtimer) ที่ไม่เพียงคงไว้ซึ่งคุณสมบัติกันน้ำอันเป็นเอกลักษณ์ แต่ยังมาพร้อมฟังก์ชันแสดงเวลาโลก ครอบคลุมเมืองสำคัญในโซนเวลา GMT ซึ่งเรือนเวลาโฉมใหม่นี้มาในสายหนังสีดำสไตล์ Bund เพื่อรำลึกถึงกลิ่นอายแห่งตำนานของนักบินในยุคก่อน และสายเรียบสีดำเดินด้ายแดง...
ท่ามกลางความตื่นเต้นของการแข่งขันจักรยานระดับโลกอย่างตูร์เดอฟร็องส์ (Tour de France) ที่ปีนี้ ทิสโซต์ (Tissot) ได้ตอกย้ำบทบาทในฐานะผู้ผลิตนาฬิกาที่มีเทคโนโลยีระบบจับเวลาด้านความเที่ยงตรงแม่นยำสูงสุด ด้วยการร่วมเป็นผู้กำหนดจังหวะแห่งชัยชนะในรายการแข่งชื่อดัง พร้อมเฉลิมฉลองให้การแข่งขันด้วยการเปิดตัวนาฬิการุ่นสเปเชียลเอดิชันอย่าง พีอาร์ 100 ตูร์เดอฟร็องส์ (PR100 Tour de France) รวมถึงคอลเลกชั่น ที-ทัช คอนเนค สปอร์ต (T-Touch Connect Sport) ที่ยกระดับการฝึกซ้อมให้แม่นยำยิ่งขึ้นด้วยฟีเจอร์ใหม่ Live Cycling Activity ทิสโซต์ (Tissot) แบรนด์ผู้ผลิตนาฬิกาคุณภาพมาตรฐานตามแบบฉบับ Swiss made ที่ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ.1853 โดยมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 170 ปี ด้วยความมุ่งมั่นและความเชี่ยวชาญในการสร้างสรรค์นาฬิกาประสิทธิภาพสูงในดีไซน์ที่ความทันสมัยอย่างมีเอกลักษณ์ อีกทั้งยังเป็นแบรนด์ที่ได้การยอมรับในแวดวงกีฬา ในฐานะผู้ผลิตนาฬิกาที่มีเทคโนโลยีระบบจับเวลาด้านความเที่ยงตรงแม่นยำสูงสุด สำหรับสุนทรียภาพแห่งการแข่งขันที่ถูกถ่ายทอดผ่านเรือนเวลารุ่นสเปเชียลเอดิชันของพีอาร์ 100 (PR 100) ได้มาพร้อมกับรายละเอียดที่สะท้อนถึงจิตวิญญาณของกีฬา ความเร็ว ความแม่นยำ และความมุ่งมั่น ได้อย่างน่าสนใจ โดย พีอาร์ 100 ตูร์เดอฟร็องส์ (PR100 Tour de France) เป็นนาฬิกาที่ได้รับแรงบันดาลใจจากพื้นถนนในสนามแข่ง หรือแอสฟัลต์ที่นักปั่นต้องฝ่าฟัน โดยใช้พื้นหน้าปัดสีดำลายพิเศษที่มีมิติคล้ายพื้นถนนจริง สื่อถึงเส้นทางอันท้าทายของการแข่งขัน ซึ่ง พีอาร์ 100 ตูร์เดอฟร็องส์ (PR100 Tour de France) ตกแต่งด้วยเข็มวินาทีรูปจักรยานสีเหลือง สีสัญลักษณ์ประจำการแข่งขันที่สดใสให้ความรู้สึกถึงพลังและความเร็ว โดยเข็มวินาทีถูกออกแบบให้มีลักษณะคล้ายโครงจักรยาน เป็นดีเทลเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยความหมาย ขณะที่เข็มโครโนกราฟก็เลือกใช้โทนสีที่แมทช์กันเพิ่มความกลมกลืน โดยตัวเรือนผลิตจากสเตนเลสสตีล 316L ที่ขึ้นชื่อเรื่องความแข็งแรง ทนทานต่อรอยขีดข่วน และการใช้งานในชีวิตประจำวัน เสริมด้วยฝาหลังสลักโลโก้ของแต่ละการแข่งขัน ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งการเฉลิมฉลองและความภูมิใจในเส้นทางของนักกีฬา...
เติมเต็มเสน่ห์ให้ทุกลุคดูดีได้อย่างสมบูรณ์แบบไปกับเรือนเวลาดีไซน์ใหม่ล่าสุดจาก มิโด (MIDO ในคอลเลกชั่น “มัลติฟอร์ท ทีวี บิ๊ก เดท” (Multifort TV Big Date) ที่ยังคงโดดเด่นด้วยหน้าปัดรูปทรงทีวีสุดคลาสสิกและช่องบอกวันที่ขนาดใหญ่ ในรูปโฉมใหม่ที่มาในคู่สีดำและสีเหลืองสดใสตัดกันอย่างมีมิติ สะท้อนบุคลิกอันมั่นใจและความมีสไตล์ของผู้สวมใส่ได้อย่างไร้ที่ติ มิโด (MIDO) แบรนด์นาฬิกาที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 100 ปี นับตั้งแต่ จอร์จ แชแรน (GEORGES SCHAEREN) เริ่มก่อตั้งบริษัท MIDO G.SCHAEREN & CO. AG ขึ้นที่เมืองโซโลธูร์น ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ตั้งแต่ ค.ศ. 1918 ภายใต้ปรัชญาของการสร้างสรรค์แบรนด์ให้อยู่เหนือกาลเวลาด้วยแนวคิดการออกแบบที่ร่วมสมัย ผ่านการคัดเลือกวัสดุคุณภาพเยี่ยมที่มีความหรูหรา ทนทาน และยังคงไว้ซึ่งฟังก์ชันการใช้งานที่ครบถ้วน สำหรับคอลเลกชั่น “มัลติฟอร์ท ทีวี บิ๊ก เดท” (Multifort TV Big Date) ดีไซน์ใหม่มาพร้อมคู่สีดำและสีเหลืองที่สามารถผสานความคลาสสิก สปอร์ต และโมเดิร์นเข้ากันได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังเป็นการตอกย้ำความสำเร็จของคอลเลกชั่น Multifort TV Big Date ที่เปิดตัวไปในปี 2023 ที่ผ่านมา โดยดีไซน์ใหม่ในคอลเลกชั่นนี้มาในตัวเรือนรูปทรงทีวีสแตนเลสสตีลขัดซาติน  หน้าปัดเส้นผ่านศูนย์กลางขนาด 40 มิลลิเมตร โดดเด่นด้วยการตกแต่งลายเส้นสีเทาตรงกลางไล่เฉดไปยังสีดำสนิทที่บริเวณขอบตัวเรือน หน้าปัดมีช่องแสดงวันที่ขนาดใหญ่ (Big Date) อยู่บริเวณตำแหน่ง 12 นาฬิกา ที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ด้านข้างประกอบด้วยเม็ดมะยมแบบขันเกลียว มาพร้อมสายนาฬิกายางที่บุด้วยผ้าสีดำและเย็บด้วยตะเข็บสีเหลือง ที่สามารถถอดเปลี่ยนสายได้ตามลุคที่ต้องการ โดยเข็มนาฬิกาทั้งเข็มชั่วโมงและเข็มนาทีถูกเคลือบด้วยสารเรืองแสงซูเปอร์ลูมิโนวา (Super-LumiNova®) สีขาว ช่วยอ่านค่าในที่แสงน้อยหรือในยามค่ำคืน ส่วนเข็มวินาทีและหลักนาทีเคลือบด้วยแล็กเกอร์สีเหลือง...
บันทึกทุกช่วงเวลาของเดินทางอันน่าจดจำไปกับ มิโด (MIDO) แบรนด์เรือนเวลาหรูสัญชาติสวิตเซอร์แลนด์ ที่ได้เปิดตัวนาฬิกาดีไซน์เรโทรสุดคลาสสิกในโทนสีน้ำตาลช็อกโกแลตจากคอลเลกชั่น โอเชียน สตาร์ จีเอ็มที (Ocean Star GMT) นาฬิกาคู่ใจนักผจญภัยที่พร้อมลุยทุกสภาพแวดล้อมทั่วทุกมุมโลก อีกทั้งยังโดดเด่นด้วยคุณสมบัติกันน้ำที่ได้รับการพัฒนาอย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับนักเดินทางที่ต้องการความแม่นยำในทุกการสำรวจ มิโด (MIDO) แบรนด์นาฬิกาที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 100 ปี นับตั้งแต่ จอร์จ แชแรน (GEORGES SCHAEREN) เริ่มก่อตั้งบริษัท MIDO G.SCHAEREN & CO. AG ขึ้นที่เมืองโซโลธูร์น ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ตั้งแต่ ค.ศ. 1918 ภายใต้ปรัชญาของการสร้างสรรค์แบรนด์ให้อยู่เหนือกาลเวลาด้วยแนวคิดการออกแบบที่ร่วมสมัย ผ่านการคัดเลือกวัสดุคุณภาพเยี่ยมที่มีความหรูหรา ทนทาน และยังคงไว้ซึ่งฟังก์ชันการใช้งานที่ครบถ้วน เรือนเวลาดีไซน์ใหม่ล่าสุดจาก มิโด (MIDO) ในคอลเลกชั่น โอเชียน สตาร์ จีเอ็มที (Ocean Star GMT) ถูกออกแบบมาในสไตล์เรโทรสุดคลาสสิก พร้อมคุณสมบัติการกันน้ำที่ถูกพัฒนาอย่างมีประสิทธิภาพ จากความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการกันน้ำของ มิโด (MIDO) ที่มีมาอย่างยาวนานเกือบหนึ่งศตวรรษ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1934 ที่ได้คิดค้นระบบ Aquadura ขึ้นมา และตระกูลโอเชียน สตาร์ ก็ได้กำเนิดขึ้นใน ค.ศ. 1944 โดยสำหรับ โอเชียน สตาร์ จีเอ็มที (Ocean Star GMT) รูปลักษณ์ใหม่นี้มีความพิเศษคือระบบ จีเอ็มที (GMT) ในหน้าปัดเส้นผ่านศูนย์กลาง 44 มิลลิเมตร ที่สามารถแสดงเวลาสองไทม์โซนที่แตกต่างกัน ได้แก่ เวลาของเมืองต้นทาง (Home Time) และเวลาของเมืองปลายทาง (Local Time) ด้านตัวเรือนทำจากสแตนเลสสตีลเคลือบ PVD ขัดเงาสลับด้าน ให้ความรู้สึกแข็งแกร่งและเล่นแสงสวยงาม...
สัมผัสความงดงามของเรือนเวลาหรูระดับโลกจาก ราโด (Rado) แบรนด์นาฬิกาจากสวิตเซอร์แลนด์ ที่ล่าสุด ริโค่ สไตเนอร์ (Rico Steiner) รองประธานฝ่ายการตลาดต่างประเทศ ราโด (Rado) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และธีรเนตร ภัทรวุฒิพงศ์ ผู้บริหารแบรนด์ ราโด (Rado) ประเทศไทย ได้จัดงาน Rado Novelties 2025 สุดยิ่งใหญ่ อวดโฉมเรือนเวลาหรูน่าสะสมแห่งปีจากคอลเลกชั่นดัง ไม่ว่าจะเป็น กัปตัน คุก (Captain Cook), อะนาตอม (Anatom), ทรู สแควร์ (True Square), ไดสตาร์ (DiaStar), เซนทริกซ์ (Centrix) และ ลา คูโปล (LaCoupole) ให้เหล่าคนรักนาฬิกาได้ยลโฉมพร้อมกันอย่างใกล้ชิด โดยงานนี้ได้รับเกียรติจาก 2 นักแสดงชื่อดัง ได้แก่ อาเล็ก-ธีรเดช เมธาวรายุทธ และ มิ้นท์-รัญชน์รวี เอื้อกูลวราวัตร มาร่วมถ่ายทอดสไตล์อันโดดเด่นผ่านเรือนเวลาดีไซน์หรู รวมถึงเหล่าเซเลบริตี้แฟนคลับแบรนด์ อาทิ อภินรา ศรีกาญจนา, พรรษมน พิริยะเมธา, ภิพัชรา แก้วจินดา, ณรงค์ฤทธิ์ ศรีตลานนท์ และอีกมากมาย ราโด (Rado) แบรนด์นาฬิกาหรูสัญชาติสวิตเซอร์แลนด์ ที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน เริ่มต้นขึ้นในปีค.ศ. 1917 โดยพี่น้องตระกูล Schlup ที่ก่อตั้ง บริษัท Schlup & Co. ขึ้นในเมืองเลงนาว ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ราโด (Rado) นับได้ว่าเป็นผู้สรรสร้างนวัตกรรมเรือนเวลาระดับโลกที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น “Master of Materials” ด้วยสุดยอดผลงานออกแบบไฮเทคเซรามิก (High-Tech Ceramics) อันล้ำสมัย ผสมผสานเข้ากับเทคโนโลยีด้านวัสดุศาสตร์จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ได้อย่างลงตัว โดยงาน Rado Novelties 2025 ในครั้งนี้...
สร้างพลังและความมั่นใจในตัวคุณด้วยเรือนเวลาดีไซน์สปอร์ตคอลเลกชั่นใหม่จาก “มิโด” (MIDO) ในคอลเลกชั่น มัลติฟอร์ท สเกเลตัน โครโนกราฟ (Multifort Skeleton Chronograph) ที่มาพร้อมดีไซน์โฉบเฉี่ยวดุจซูเปอร์คาร์  โดดเด่นด้วยหน้าปัดแบบเปลือยเผยกลไกอันทรงพลังและเทคโนโลยีการจับเวลาอันแม่นยำ ที่มีทั้ง 3 ดีไซน์ ตอบโจทย์เหล่านักกิจกรรมที่ชื่นชอบเรือนเวลาดีไซน์สปอร์ตให้สามารถมิกซ์แอนด์แมทช์ได้กับทุกลุค คอลเลกชั่น มัลติฟอร์ท สเกเลตัน โครโนกราฟ (Multifort Skeleton Chronograph) มาพร้อม 3 ดีไซน์ ประกอบไปด้วย ตัวเรือนสแตนเลสสตีลโทนสีเทาพร้อมสายสแตนเลสสตีลและตัวล็อคแบบบานพับที่เหมาะสำหรับความเรียบโก้ ถัดมาที่ตัวเรือนสแตนเลสสตีลสีน้ำเงิน พร้อมสายนาฬิกายางลวดลายปั๊มนูนในโทนสีเดียวกัน เหมาะสำหรับการครีเอทลุคที่น่าดึงดูด และสุดท้ายตัวเรือนสแตนเลสสตีลเคลือบ PVD สีดำด้าน เพิ่มความโดดเด่นด้วยสีส้มอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ที่ตกแต่งบริเวณหน้าปัด จับคู่กับสายนาฬิกายางลวดลายปั๊มนูนในสีดำ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความเท่และคล่องตัว โดยทั้ง 3 ดีไซน์ ถูกออกแบบหน้าปัดมาในขนาด 43 มิลลิเมตร พร้อมปุ่มควบคุมการจับเวลาขัดเงา 2 ปุ่ม บริเวณด้านข้าง และเม็ดมะยมแบบขันเกลียว โดดเด่นด้วยหน้าปัดโครงเปลือยที่เผยให้เห็นความทรงพลังของกลไกคาลิเบอร์ 60 (Caliber 60) พร้อมเทคนิคการขัดซาติน รวมถึงเทคนิคเซอร์คูลาร์ เกรนนิ่ง (Circular-graining) หรือเทคนิคการทำวงกลมเล็กๆ ทับซ้อนกันอันถือเป็นหนึ่งในเทคนิคที่ต้องอาศัยทักษะขั้นสูงในการทำ ซึ่งช่วยสร้างพื้นผิวหลากมิติให้กับบริเวณหน้าปัด อีกทั้งยังมาพร้อมกับความสามารถในการจับเวลาที่แม่นยำด้วยโครโนกราฟสามวงที่ถูกจัดวางอย่างสมมาตรภายใต้ดีไซน์หน้าปัดรูปทรงตัวเอ็กซ์ (X-shaped) ที่สามารถวัดค่าได้ตั้งแต่ 60 วินาที 30 นาที และ 12...
สัมผัสนวัตกรรมล้ำสมัยที่เปลี่ยนแสงอาทิตย์เป็นพลังงานที่ไร้ขีดจำกัด จากเรือนเวลาสัญชาติสวิสแบรนด์ ทิสโซต์ (Tissot) ในงานเปิดตัว พีอาร์ซี 100 โซลาร์ (PRC 100 Solar) เรือนเวลารุ่นใหม่ล่าสุดจากคอลเลกชั่น พีอาร์ซี 100 (PRC 100) ที่เคยเปิดตัวครั้งแรกในช่วงกลางทศวรรษ 2000 และได้รับการจดจำด้วยการออกแบบที่โดดเด่น โดย พีอาร์ซี 100 โซลาร์ (PRC 100 Solar) เป็นนาฬิกาดีไซน์ที่เรียบเท่ที่มาพร้อมกลไก ไลท์มาสเตอร์ โซลาร์ ควอตซ์ (Lightmaster Solar Quartz) สุดล้ำสมัย ที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในการขับเคลื่อนทุกวินาที โดยงานครั้งนี้ได้รับเกียรติจากนักแสดงหนุ่มชื่อดังที่มีไลฟ์สไตล์ชื่นชอบการทำกิจกรรมกลางแจ้งอย่าง โอม-ภวัต จิตต์สว่างดี มาร่วมถ่ายทอดสไตล์อันโดดเด่น พร้อมโชว์สุดพิเศษที่ ทิสโซต์บูทีค วัน แบงค็อก (One Bangkok) บริเวณโซน Parade ชั้น G ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ทิสโซต์ (Tissot) แบรนด์ผู้ผลิตนาฬิกาคุณภาพมาตรฐานตามแบบฉบับ Swiss made ที่ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ.1853 โดยมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 170 ปี ด้วยความมุ่งมั่นและความเชี่ยวชาญในการสร้างสรรค์นาฬิกาประสิทธิภาพสูงในดีไซน์ที่มีความทันสมัยอย่างมีเอกลักษณ์ อีกทั้งยังเป็นแบรนด์ที่ได้การยอมรับในแวดวงกีฬา ในฐานะผู้ผลิตนาฬิกาที่มีเทคโนโลยีระบบจับเวลาด้านความเที่ยงตรงแม่นยำสูงสุด สำหรับ พีอาร์ซี 100 โซลาร์ (PRC 100 Solar) เป็นเรือนเวลาดีไซน์เรียบเท่ที่มาพร้อมกลไก  ไลท์มาสเตอร์ โซลาร์ ควอตซ์ (Lightmaster Solar Quartz) ซึ่งใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในการขับเคลื่อน ด้วยคุณสมบัติที่สามารถกักเก็บพลังงานจากแสงธรรมชาติและแสงประดิษฐ์ผ่านกระจกคริสตัลแซฟไฟร์ ส่งต่อไปยังแผงโซลาร์เซลล์ที่มีโครงสร้างระดับจุลภาคเป็นรูปทรงรังผึ้ง ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซับพลังงาน โดยไม่ส่งผลกระทบต่อความสวยงามของหน้าปัด จากนั้นพลังงานจะถูกถ่ายโอนผ่านตัวเชื่อมต่อ ‘Zebra’ ในตัวเรือนไปยังกลไก ‘F06.615 Quartz Swiss Made’ ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความแม่นยำ และพลังงานจะถูกเก็บไว้ในแบตเตอรี่แบบชาร์จได้ เมื่อชาร์จเต็มแล้วจะสามารถใช้งานได้ยาวนานถึง 14 เดือน และด้วยกลไกการผลิตในสวิตเซอร์แลนด์ที่ใช้พลังงานต่ำ ทำให้สามารถกักเก็บพลังงานได้สูงสุดเพื่อการทำงานอย่างต่อเนื่องแม้จะได้รับแสงเพียงเล็กน้อย โดยการได้รับแสงเพียง 10 นาทีทำให้แบตเตอรี่ใช้งานได้ถึง 24 ชั่วโมง...
1 2 3 4

About Us


We are a company which offers a full service of communication, established by a young blood team with considerably high experience.

More About Us

Like Us On Facebook

Facebook Pagelike Widget

Popular Post

เปิดแลนด์มาร์กใหม่สำหรับคนรักนาฬิกาหรู เบรเกต์ (Breguet) แบรนด์นาฬิกาชั้นสูงจากสวิส ที่ครองความเป็นเลิศด้านศิลปะแห่งเรือนเวลามากว่า 250 ปี ประกาศเปิดบูติคโฉมใหม่แห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ณ ION Orchard ประเทศสิงคโปร์
September 1, 2025
โฟร์ บาย โฟร์ แมน
September 11, 2018
Bric’s
November 6, 2018
Milin ฉลองยิ่งใหญ่ครบรอบ 5 ปี แห่งความสำเร็จ
November 7, 2018
Sava Dining Speak less, eat more
February 10, 2019
The Raw Bar at Central Festival Eastville
February 10, 2019

My New Stories